“ดิว อริสรา” เคลียร์ดรามาปิดหน้าลูก รับชีวิตเปลี่ยนหลังเป็นคุณเเม่ ปู่ย่ารับขวัญหลานจุกมาก

 

ได้ใช้ชีวิตความเป็นคุณเเม่เต็มตัวรู้สึกยังไงบ้าง?

-ชีวิตคุณแม่มันก็แฮปปี้ไปอีกแบบหนึ่งนะ ความเป็นจริงเราก็ไม่เคยคิดว่าการมีลูกมันจะทำให้อิ่มแล้วก็แฮปปี้ อยากอยู่บ้าน คิดถึงลูกอะไรแบบนี้ ถามว่าเหนื่อยไหม จริงๆ ก็ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นนะ ในช่วงแรกอาจจะนิดหนึ่ง แต่หลังๆ มาเรารู้สึกว่าเราเหนื่อยเราก็อยากอยู่กับเขาไง เราก็เลยแฮปปี้มาก

 

ต้องปรับตัวยังไงบ้าง?

-ไม่เลยค่ะ วันแรกที่ย้ายมาจากโรงพยาบาล บอกตรงๆ ว่าจะร้องไห้เลย เพราะสิ่งที่คิดเอาไว้ว่ามันเป็นแบบนั้นเแบบนี้ มันไม่ได้เป็นตามที่คิดไง เช่น อ่างอาบน้ำสูงเกินไป สุดท้ายก็กลับมานั่งอาบที่พื้น คือหลายสิ่งหลายอย่างที่เราคิดว่าโอเคมันได้ แต่สุดท้ายมันไม่ได้ ทำห้องอย่างสวยหรู สุดท้ายนั่งอาบเหมือนสมัยก่อนเลยจ้า (หัวเราะ) แบบนั้นเลย ส่วนใหญ่ของก็จะได้จากที่คนให้ แต่พอเอามาอาบจริงๆ เราก็กลัวลูกตก คือมันไม่ใช่สเต็ปที่เราคิดไว้ขนาดนั้น สรุปก็คือโทรบอกเลขา ว่าซื้ออ่างมา 2 อัน เก้าอี้นั่งซักผ้า 2 ตัว จบแค่นี้เลย

 

ชีวิตการได้เป็นคุณแม่ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง?

-ตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่ เพราะก็ต้องตื่นเช้าด้วย แต่สุดท้ายแล้วร่างกายมันจะตื่นเอง โดยที่ไม่ต้องตั้งปลุก ของเราที่ไม่ค่อยเหนื่อยมาก เพราะสามี (เซบาสเตียน ลี) เขาช่วยเลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ หมายถึงว่ากะดึกนะ เขาจะเป็นคนดูแลลูก เขาปล่อยให้เราไปนอนเลย ปล่อยพี่เลี้ยงไปนอนเลย แล้วเขาก็ดูแลตั้งแต่เที่ยงคืนถึง 7 โมงเช้า เขาสามารถเปลี่ยนผ้าอ้อมได้ ทำได้ทุกอย่าง เอาตรงๆ ต้องยอมรับว่าเขาเก่งกว่าเราอีก แต่ก็เคยปลุกเราตอนกลางคืน คือเขาคงอยากให้สิ่งที่เขาตั้งใจไว้มันสำเร็จ ตอนสุดท้ายก็คือลูกร้องไม่มีเหตุผล ตี4 มาปลุกเราว่าไม่ไหวแล้ว ช่วยหน่อย อีนี่ก็ไม่ได้ว่าจะไหวเลยนะ เราก็ต้องไปปลุกพี่เลี้ยงต่อ มันก็น่ารักดี

 

มีความกังวลอะไรบ้างมั้ย?

-จริงๆ เราไม่ได้กังวลอะไรเลย เพราะว่าเรามีทั้งคุณพ่อเขาแล้วก็ครอบครัวที่ซัปพอร์ต ก็แฮปปี้กับบทบาทนี้มาก แล้วก็มีความสุขนะ

 

มีทำคอนเทนต์ครบรอบ 1 เดือน ด้วยใช่ไหม?

-เอาจริงๆ ไม่เคยคิดอะไรเลยค่ะ เห็นคนอื่นเขาทำแล้วน่ารักดี เราก็เลยทำบ้าง ลอกๆ เขามาเอง

 

แจงดรามาประเด็นเปิดหน้าลูกหน่อย?

-คืออันนี้นะที่มันเคยมีประเด็น ต้องออกตัวก่อนว่าจริงๆ แล้วพูดให้ตรงประเด็นเลยเนอะ เราก็ต้องออกตัวก่อนว่าจริงๆ แล้วเราเคารพในการตัดสินใจของคุณแม่ทุกคนที่เลือกในการจะเปิดหรือปิดหน้าลูก เพราะพอเราเป็นแม่เรารู้สึกว่าแม่ทุกคนต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันอยู่ที่สไตล์ของแต่ละบ้านแต่ละครอบครัวว่าเป็นยังไง ในมุมมองที่เราเคยพูดออกไป อันนี้พูดในมุมมองของครอบครัวเรา แต่พอมันตัดออกไปแล้ว มันอาจจะดูรุนแรงว่าเราไปแซะใคร พูดถึงใคร แต่เราต้องออกตัวตรงนี้เลยว่าจริงๆ แล้วเราเคารพทุกคนอยู่แล้ว เพราะมันเป็นลูกเขาและเขาเป็นแม่ แล้วพื้นฐานความเป็นแม่เรารู้อยู่แล้วว่าแม่ทุกคน ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ดังนั้นทุกคนที่เลือกอะไรก็ตามย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ

 

รับว่าเห็นดรามาทุกอย่างใช่ไหม แล้วที่ตอกกลับชาวเน็ตคือยังไง?

-คือเห็นดรามา เพราะมีคนก็ส่งมาเยอะ เราก็เลยต้องมาออกตัวตรงนี้ไง แต่สิ่งที่เราพูดในตรงนั้นมันคือมุมมองของบ้านเราของตัวเรา ส่วนอันที่ตัดออกไปว่า “เฮ้ย…ไม่ใช่ดาราฮอลลีวูด” หรืออะไรอย่างนั้น มันเป็นเหมือนแค่คอนเทนต์ที่ออกไปแบบนั้น แต่เราไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นดาราฮอลลีวูดแล้วถึงปิดหน้าลูก แต่แค่พูดว่าเราไม่ใช่แค่นั้นเอง แต่พอไปนั่นโน่นนี่มันก็เลยเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ซึ่งต้องบอกก่อนว่าถ้าทุกคนรู้จักนิสัยเราว่าเป็นคนไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แล้วเราก็ไม่ค่อยยุ่งเรื่องของใคร ดังนั้นเราเลือกที่จะไม่วิจารณ์ใครเลย นอกจากคนนั้นจะมีปัญหากับเราเอง อันนี้พูดแบบตรงไปตรงมา ถ้ามีปัญหากับใคร ไม่ต้องห่วงพร้อมลุยแน่นอน แล้วเราก็เคยด่ามาแล้วถูกไหม ชัดเจนอยู่แล้ว แค่ถ้าไม่รู้จักไม่ได้สนิทสนมก็ไม่มี แล้วก็ไม่มีเจตนาจะแขวะใคร

 

มีคนจับโยงประเด็นจนเกิดดรามาใช่ไหม?

-ไม่ๆ เพราะเราก็เข้าใจแหละ ว่าสิ่งที่เรานำเสนอออกไปมันทำให้คนคิดไง ดังนั้นเราก็ไม่สามารถไปโทษเขาได้ ว่าผิดที่เขาคิด เพราะมันเป็นสิ่งที่เรานำเสนอไปในนั้น แล้วมันก็สองแง่สองง่ามคลุมเครือจริงๆ

 

สามีว่ายังไงบ้าง กับประเด็นพวกนี้?

-อ๋อ…คุณสาไม่ว่า เพราะคุณสาไม่รู้เรื่องอะไร นั่นคือข้อดีของการอ่านภาษาไทยไม่ออก (หัวเราะ) แต่เราก็บอกเขา แต่เขาก็บอกไม่เป็นไร เพราะยุ่งเรื่องดูลูกอยู่

 

ล่าสุดจับลูกชาย “น้องไซลาส” ถ่ายแบบด้วยใช่ไหม?

-ก็ถ่ายแบบเบบี๋อ่ะ เพราะอยากมีโมเมนต์ของเขา ถามว่าจะทำทุกสเต็ปเลยไหม ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ก็เอาตามสะดวก อะไรที่อยากทำก็ทำ

 

ถ้าจะกลับมาทำงานในวงการอีก สามีไฟเขียวมั้ย?

-เราก็ยังทำงานในวงการบันเทิงอยู่ เพราะเราแฮปปี้กับการที่เราอยู่ตรงนี้ อย่างที่พูด คนไทยน่ารักค่ะ (หัวเราะ) สามีเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เขารู้สึกอยู่แล้วว่าเราไม่ค่อยกระทบกระเทือนกับอะไรก็ตามอยู่แล้ว เขารู้ว่าเราสนุกกับการที่จะอยู่ตรงนี้ เขาบอกว่าโอเค อะไรที่เราทำแล้วแฮปปี้ก็ทำไป เขาไม่ได้ว่าอะไร นี่เราเพิ่งคลอดได้เดือนเดียวเอง เราก็กลับมาแล้ว ไม่ได้คิดว่าจะต้องหายไปหรืออะไรหรอก ตรงไหนที่เราอยากทำ เราก็ทำตามหัวใจอยู่แล้ว

 

มีแพลนจะพาลูกไปเลี้ยงต่างประเทศจริงไหม?

-ตอนนี้ใช่ค่ะ แต่ก็มีแพลนที่ย้ายไปตรงโน้น ก็ยังไม่รู้เลยว่าตอนไหน ก็อาจจะมีกลับไปประเทศของคุณพ่อบ้าง เพราะใกล้กับปู่กับย่า แต่เราก็บินไปบินมาอยู่แล้วนะ เพราะไต้หวันกับไทยก็ห่างกันแค่ 3 ชั่วโมง มันก็ง่ายๆ

 

ปู่ย่ารับขวัญหลานจุกมากจริงไหม?

-ตอนนี้ปู่ย่าก็ได้เจอหลานแล้ว เขาบินมาแล้ว มาตั้งแต่ก่อนคลอดเลย พอคลอดเสร็จก็บินมาอีก รับขวัญไปแล้วเรียบร้อย (จุกไหม) ก็น่ารักค่ะ (ยิ้ม) ปู่กับย่ารับขวัญเป็นกระดาษ ทั้งครอบครัวก็ให้คนละแผ่นๆ เอาเป็นว่าปู่กับย่าก็ให้จนแบบว่า ยิ่งพ่อเขาไม่อยากส่งรูปลูกเข้ากลุ่มแช็ตแล้ว เพราะกลัวว่าสิ่งที่ตัวเองอยากได้จะไม่ได้ไปตกที่ลูกหมด (หัวเราะ) พ่อก็แบบ ไอว่าช่วงนี้หยุดส่งรูปลูกเข้าไปให้ปู่ดูดีกว่า เพราะเขาเห่อมาก คุณปู่คือไม่ได้เลยจริงๆ