ศาลพิพากษา ประหารชีวิต "แม่ปุ๊ก" วางยาเด็กหญิงวัย 4 ขวบเสียชีวิต และลูกชายวัย 2 ขวบ บาดเจ็บ จัดฉากหวังรับเงินบริจาค

 

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 3 ยื่นฟ้อง น.ส.ณัฐติวรรณ หรือภัทธานิษฐ์ หรือ นิษฐา หรือ "ปุ๊ก" จิตรำลึก หรือ จิตลำลึก หรือ วงวาล หรือ วัฒนกุลทิตย์ หรือ รักษ์กุลเจตน์ อายุ 31 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ เพื่อแสวงหาประโยชน์ จากการนำคนมาขอทาน เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตาย, พยายามฆ่าผู้อื่นฯ, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ ทำการขอทานฯ, ฉ้อโกงฯ, ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นฯ, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ชักจูงฯ ใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทาน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 เม.ย.58-12 ส.ค.62 จำเลยรับเด็กหญิง อายุ 4 ปีเศษ (ผู้ตาย) จากแม่เด็กมาเลี้ยงอุปการะในบ้านจำเลย โดยขณะรับเลี้ยงนั้นให้เด็กกลืนอาหาร ที่มีการผสมสารมีฤทธิ์กัดกร่อน ต่อเนื่องกันหลายครั้ง เป็นเหตุให้เด็กมีอาการบาดเจ็บทางเดินอาหาร ความดันโลหิตสูงรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด จนต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลหลายครั้ง แล้วจำเลยนำภาพของเด็กขณะที่เจ็บป่วย ไปโพสต์บน เฟซบุ๊กส่วนตัว เชิญชวนประชาชนให้เกิดความสงสาร มาร่วมช่วยเหลือซื้อสินค้าต่างๆ และขอรับเงินบริจาคค่ารักษาพยาบาล

นอกจากนี้ระหว่างวันที่ 10 ก.ย.60-18 พ.ค.63 จำเลยได้ทำให้บุตรชายของจำเลยอายุ 2 ปีเศษ บาดเจ็บสาหัส จากการกลืนกินอาหารที่มีสารฤทธิ์กัดกร่อนผสมอยู่ต่อเนื่องหลายครั้ง โดยจำเลยโพสต์ภาพเด็กขณะเจ็บป่วยเชิญชวนให้มีการบริจาคเช่นเดียวกัน ซึ่งมีผู้เสียหาย 5 คน เกิดความสงสาร และได้ร่วมบริจาคผ่านบัญชีของจำเลย ระหว่างการพิจารณา โดยจำเลยให้การรับสารภาพ และถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความแล้วเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องจริง ให้ลงโทษฐานค้ามนุษย์โดยเป็นธุระจัดหาฯ จัดให้อยู่อาศัยหรือรับไว้ซึ่งเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการนำคนมาขอทานหรือการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 พิพากษาประหารชีวิต

ขณะที่ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้จำคุกตลอดชีวิต

ส่วนความผิดฐานฉ้อโกง โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือน ให้จำคุก 6 กระทง กระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 30 ปี

ส่วนที่จำเลยให้การรับสารภาพนั้นเพราะจำนนต่อหลักฐาน จึงไม่ลดโทษให้ โดยเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ประหารชีวิตสถานเดียว ทั้งนี้เมื่อจำเลยต้องโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษที่โจทก์ขอบวกโทษมารวมเข้ากับคดีนี้ได้อีก และไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีที่โจทก์ขอ

โดยศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน จำนวน 31,600 บาท จำนวน 2,000 บาท จำนวน 3,800 บาท จำนวน 3,140 บาท จำนวน 2,400 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2-6 ตามลำดับด้วย และให้ ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางด้วย