กรมทางหลวง ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง อุบัติเหตุบนมอเตอร์เวย์ ทิ้งศพไว้ 12 ชั่วโมง พร้อมเผยแนวทางการปฏิบัติงาน

 

(10 ส.ค.65) จากกรณีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักพลิกคว่ำ บนทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง ฝั่งขาเข้าพัทยา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ส.ค. 65 โดยได้มีการประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ต่อมาพบร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ในซากรถคันดังกล่าวนาน 12 ชั่วโมงนั้น

นายธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผอ.กองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบรายละเอียดอุบัติเหตุดังกล่าวจากศูนย์บริหารจัดการจราจร (CCB) พบว่า เมื่อเวลา 07:45 น. เกิดเหตุรถยนต์เก๋ง สีขาว ชนกับแบริเออร์ ส่งผลให้สภาพหน้ารถและท้ายรถพังเสียหาย เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุจึงดำเนินการประสานศูนย์วิทยุกู้ภัยแหลมฉบัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวน รวม 9 นาย รีบไปช่วยเหลือและอำนวยการจราจรบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่เดินทางถึงจุดเกิดเหตุในเวลา 07:54 น. และดำเนินการตรวจสภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียดทันที แต่เนื่องจากสภาพรถที่พังยับ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยมองไม่เห็นผู้ที่ติดอยู่ในซากรถ โดยได้เคลื่อนย้ายรถไปเก็บไว้ที่สถานีสอบสวนตำรวจเขาเขียว เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนและหลักฐานถูกทำลายจนเสียรูปคดี

หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนได้ติดตามสอบถามไปยังโรงพยาบาล กู้ภัยในพื้นที่และญาติ แต่ไม่พบตัวผู้ขับขี่ จึงได้ดำเนินการค้นหาและตรวจสอบที่รถอีกครั้ง จนเมื่อเวลาประมาณ 18:00 น. พ.ต.ท.รัตพล วรรณะ รอง ผกก.ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล.เขาเขียว แจ้งว่า พบศพผู้เสียชีวิต คือ นายภัทรชัย อายุ 68 ปี สภาพแขนซ้ายและขวาหัก นอนขดตัวอยู่บริเวณเบาะคนขับ ใต้พวงมาลัยรถ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างออกมา และนำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลแหลมฉบัง เพื่อแจ้งให้ญาติทราบ และทำการชันสูตรพลิกศพ

กองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ขอชี้แจงรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงานของศูนย์ CCB โดยเมื่อได้รับแจ้งเหตุผ่านวิทยุกู้ภัยประจำเขตในพื้นที่และหัวหน้าชุดเพื่อประเมินสถานการณ์ และแจ้งประสานตำรวจ รถยก และกู้ชีพแล้ว จึงจะแจ้งรถปฏิบัติการที่ใกล้ที่สุดลงพื้นที่ตรวจสอบโดยเร็ว เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบหน้างาน เช่น ถ่ายรูปที่เกิดเหตุ สร้างแนววางกรวยยาง ติดสัญญาณไฟ เพื่ออำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และแก้ไขปัญหารถกีดขวางการจราจรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุ แก้ไขปัญหารถกีดขวางการจราจร ตรวจสอบผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหายเป็นต้น และหากพบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ต้องรีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงจะดำเนินการตามขอบเขตที่กำหนด และหากในที่เกิดเหตุไม่พบผู้ขับขี่ แนวทางการดำเนินการ คือ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเพียงภายนอก จะไม่เข้าไปในตัวรถผู้ประสบเหตุ เพื่อป้องกันการร้องเรียนกรณีทรัพย์สินของผู้ประสบเหตุสูญหาย

อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบในรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้ให้ตำรวจทางหลวงเข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย และยืนยันว่าจะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อคลี่คลายทุกประเด็นที่เป็นข้อสงสัย