หนุ่มใหญ่ทำทีตีสนิทหลวงพ่อ อ้างเคยทำงานที่ดิน จะเดินเรื่องออกโฉนดที่ดินที่ญาติโยมซื้อบริจาคเพื่อยื่นขอตั้งวัดอย่างถูกต้อง แล้วเรียกเงินค่าดำเนินการเรื่อยมา สุดท้ายสูญเงินร่วมแสน แต่ไม่ได้โฉนด

 

วันที่ 17 ก.ค. 2565 พระอาจารย์เอ๋ อายุ 57 ปี เจ้าสำนักที่พักสงฆ์แห่งหนึ่งที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากมีชายคนหนึ่งทราบเพียงชื่อเล่นว่า บอส อายุประมาณ 40 กว่าปี ซึ่งมากับโยมผู้หญิงอีกคนที่เคยมาทำบุญเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเคยทำงานเป็นเจ้าพนักงานที่ดินหลายสาขาในบุรีรัมย์ ทำทีพูดจาตีสนิท แล้วถามว่าพระอาจารย์อยากจะทำเรื่องออกโฉนดที่ดิน 9 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา ซึ่งอยู่ติดกับที่พักสงฆ์ที่ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาซื้อบริจาคเมื่อ 5 – 6 ปีที่แล้ว เพื่อยื่นขอตั้งเป็นวัดหรือไม่ เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวยังเป็น ภบท.5 โดนนายบอส บอกว่า ถ้าอยากให้ช่วยเดินเรื่องออกโฉนดที่ดินจะต้องจ่ายค่าดำเนินการไร่ละ 1,000 บาท พระอาจารย์จึงตกลง หลังจากนั้นนายบอส ก็พาเจ้าหน้าที่มารังวัดที่ดินใหม่ พอรังวัดเสร็จก็บอกว่าเนื้อที่ไม่ใช่ 9 ไร่ แต่เป็น 11 ไร่ จะต้องจ่ายค่าดำเนินการออกโฉนดรวม 11,000 บาท แต่เบื้องต้นขอค่ารังวัดก่อน 15,000 บาท พระอาจารย์ก็จ่ายเป็นเงินสด 15,000 บาท ต่อมาก็จ่ายค่าดำเนินการอีก 11,000 บาท แต่หลังจากนั้นไม่นาน นายบอสก็มาบอกว่าได้ไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินอำเภอแล้ว ที่ดินแปลงดังกล่าวมีเอกสารสิทธิเป็น นส.3 อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการดำเนินเรื่องจะไม่ยุ่งยาก แค่ทำเรื่องขอเอกสาร นส.3 ตัวจริงจากสำนักงานที่ดินเท่านั้น แต่จะต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการเพิ่มอีกไร่ละ 2,000 บาท รวมกับของเดิมที่จ่ายไปแล้วไร่ละ 1,000 บาท เป็นไร่ละ 3,000 บาท จึงตอบตกลงจ่ายเงินให้นายบอสไปอีก โดยแต่ละครั้งที่จ่ายก็จะมีโยมอุปัฏฐากเห็นและรับรู้ตลอด หลังจากมาตีสนิทแล้วนายบอสก็ยังมาขอยืมเงินพระอาจารย์อีก 2 ครั้ง ๆ ละ 5,000 และ 20,000 บาท อ้างว่าเดือดร้อนจะต้องนำเงินไปทำเรื่องขายฝากที่ดินของตัวเอง สรุปพระอาจารย์ถูกหลอกเงินไปกว่า 70,000 บาท

ไม่เพียงแค่นั้น นายบอส ยังหลอกพระอาจารย์ว่า จะจัดทอดผ้าป่าช่วยค่าใช้จ่ายทางที่พักสงฆ์ด้วย แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นมีผ้าป่าเลยสักครั้ง พอพระอาจารย์ติดต่อไปสอบถามเรื่องเอกสาร นส.3 ว่าทำไปถึงไหนแล้ว นายบอสกลับอ้างว่า ได้เอกสารตัวจริงมาแล้ว แต่ตอนนี้ได้แนบประกอบการยื่นเรื่องขอตั้งวัดที่สำนักพุทธฯ จากนั้นก็เงียบหายไปจึงโทรศัพท์ไปสอบถาม แต่นายบอสกลับอ้างว่าที่ดินแปลงยังกล่าวติดจำนองอยู่ 40,000 บาท นายบอสอ้างว่าเดี๋ยวจะช่วยเจรจาให้จ่ายแค่ 20,000 ก็พอ พระอาจารย์ และโยมอุปัฎฐากจึงไปหาเงินมาจ่ายให้อีก แต่ผ่านไปเกือบ 4 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้เอกสารสิทธิอะไรสักอย่าง ส่วนนายบอสก็อ้างกลับไปกลับมา จึงเชื่อว่าน่าจะมามีเจตนามาหลอกเอาเงินมากกว่า จึงอยากให้นำเงินมาคืนเพราะเป็นเงินที่ได้มาจากศรัทธาญาติโยม หากไม่นำมาคืนก็จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป