“นายก” เผย ครม. ขยายมาตรการช่วยค่าครองชีพต่ออีก 3 เดือน พร้อมตรึงราคาขายปลีกเอ็นจีวี-แอลพีจี พร้อมอุ้มดีเซลร้อยละ 50 หากเกินลิตรละ 35 บาท ขอความร่วมมือโรงกลั่นส่งกำไรเข้ากองทุนฯ ลดผลกระทบให้ประชาชน หลังสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว

 

วันที่ 21 มิ.ย.65 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยหลังประชุม ครม. ว่า วันนี้ (21 มิ.ย.65) ที่ประชุมได้ออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนสถานการณ์วิกฤตพลังงานที่มีแนวโน้มยืดเยื้อจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบหนักหน่วงในหลายมิติ ขณะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บางประเทศงดส่งออกโภคภัณฑ์ที่จำเป็น ทำให้ห่วงโซ่อุปทานขาดแคลนทั่วโลก ซึ่งมีผลผูกพันธ์ทั้งสิ้น ทำให้เงินเฟ้อสูงกว่าร้อยละ 8 ในรอบหลายสิบปี โดยเฉพาะในยุโรป และอเมริกา รวมถึงปัญหาค่าครองชีพประชาชนปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทำให้สินค้าราคาแพง ซึ่งคาดว่า อาจใช้เวลานานในการฟื้นตัว

ซึ่งตนเอง และรัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เผยกังวลใจไม่น้อยกว่าคนอื่น จึงได้มีการประชุมหารือมาตรการรับมือตลอดเวลา วันนี้ ครม. จึงมีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน และภาคธุรกิจเร่งด่วน ทั้งขยายมาตรการเก่าที่จะสิ้นสุด 30 มิ.ย. ออกไปอีก 3 เดือน และออกมาตรการใหม่ เช่น ตรึงราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีอยู่ที่กิโลกรัมละ 15.59 บาท สำหรับแท็กซี่มิเตอร์ โครงการลมหายใจเดียวกัน ตรึงราคาก๊าซแอลพีจี กิโลกรัมละ 13.62 บาท กำหนดกรอบราคาขายปลีกแอลพีจีที่ราคา 408 บาทต่อถัง (15 กก.) ขยายเวลาให้ส่วนลดราคาแอลพีจี ร้านค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.65 ถึงวันที่ 15 ก.ย.65

ขณะเดียวกันจะอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลร้อยละ 50 กรณีที่ขายเกินลิตรละ 35 บาท คงค่าการตลาดน้ำมันดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร ขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมัน นำส่งกำไรจากการกลั่นส่วนหนึ่งเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อนำไปลดภาระน้ำมันให้ประชาชนทั้งดีเซล และเบนซินเป็นเวลา 3 เดือน

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการภาษีสำหรับบริษัท ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล เพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนา การจัดนิทรรศการ และงานแสดงสินค้าภายในประเทศ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว อีกทั้งส่งเสริมการบริโภค และการจ้างงาน 6 เดือน ตั้งแต่ 16 ก.ค.-สิ้นปี 2565 โดยเมืองหลักหักภาษี ได้1.5 เท่า ส่วนเมืองรองหักภาษีได้ 2 เท่า

ขณะเดียวกันขอความร่วมมือช่วยกันประหยัดพลังงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม ขนส่ง และภาคประชาชนให้มากที่สุด โดยให้แต่ละหน่วยงานออกนโยบายที่เหมาะสมตามศักยภาพของหน่วยงาน ปิด-เปิดไฟ ลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ส่งเสริมให้ใช้รถขนส่งสาธารณะ ใช้การประชุมออนไลน์ โดยในส่วนของภาครัฐกำหนดให้ลดการใช้พลังงาน ร้อยละ 20 เป็นตัวชี้วัดของหน่วยงาน

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า ครม. มีมติกำหนดให้วันที่ 3 เม.ย. ของทุกปีเป็นวันน้ำบาดาลแห่งชาติ โดยเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ แก้ปัญหาภัยแล้ง ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 15 โครงการครอบคลุม 11 จังหวัด ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ