"หมอธีระ" ชี้สถานการณ์โควิด-19 ในไทยยังมีการระบาดต่อเนื่อง ยอดเสียชีวิตวานนี้พุ่งอันดับ 9 ของโลก แนะระวังสายพันธุ์ BA.4-BA.5 หลังเปิดประเทศ ด้านยุโรปประกาศเตือนน่ากังวล ย้ำ! โควิดไม่จบ แค่หายหรือตาย

 

วันที่ 14 พฤษภาคม 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนรัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า "14 พฤษภาคม 2565 ทะลุ 520 ล้านคนไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 533,585 คน ตายเพิ่ม 1,635 คน รวมแล้วติดไปรวม 520,268,579 คน เสียชีวิตรวม 6,286,453 คน

ด้าน โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4-BA.5 ถูกยกระดับเป็นสายพันธุ์น่ากังวลของยุโรป ล่าสุด ทางกรมควบคุมโรคของยุโรป (ECDC) ได้ประกาศให้สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล หรือ Variants of Concern (VOC) แล้ว เมื่อวานนี้ (13 พ.ค. 65)

 

 

ทั้งนี้ ทั้งสองสายพันธุ์นั้นจัดเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนโดยเริ่มพบ BA.4 เมื่อมกราคม และพบ BA.5 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นมีการกระจายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แม้จะยังมีจำนวนไม่มาก แต่ข้อมูลการระบาดในประเทศแอฟริกาใต้พบว่า อัตราการขยายตัวในแต่ละวันของ BA.4 และBA.5 นั้นสูงกว่าสายพันธุ์ BA.2 ที่ครองการระบาดทั่วโลกขณะนี้ถึง 12% มากขึ้นอย่างรวดเร็ว พบว่าอัตราการขยายตัวในแต่ละวันสูงกว่า BA.2 ถึง 13% ซึ่งสอดคล้องกับที่พบในแอฟริกาใต้ ทั้งนี้ ณ 8 พฤษภาคม 2565 ประเทศโปรตุเกสตรวจพบสายพันธุ์ BA.5 38% จึงคาดว่าสายพันธุ์นี้จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในโปรตุเกสภายใน 22 พฤษภาคม 2565 หรือภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ข้อมูลปัจจุบันยืนยันว่าสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 แพร่ระบาดได้ไวกว่าเดิม โดยน่าจะมาจากความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ผลจากการศึกษาทางห้องปฏิบัติการพบว่า คนที่ไม่ได้รับวัคซีนมาก่อน แม้จะเคยติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ BA.1 มาก่อนก็ตาม ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นหลังการติดเชื้อ ก็ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์ BA.4 และBA.5 ได้ ดังนั้นการฉีดวัคซีน และการป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องจำเป็น ส่วนเรื่องความรุนแรงของโรคนั้น ข้อมูลปัจจุบันยังมีจำกัด แต่คาดว่าไม่น่าจะต่างจากสายพันธุ์เดิม

เปิดประเทศ มีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น และไม่ได้มีการตรวจคัดกรองโรคที่เข้มข้นแล้ว จึงมีโอกาสสูงที่สายพันธุ์ BA. 4, BA.5 หรือแม้แต่ BA.2.12.1 จะเข้ามาทำให้การระบาดในประเทศสูงขึ้นไปกว่าเดิมได้ นอกจากนี้สัปดาห์หน้าจะมีการเปิดเรียนด้วย จึงควรรู้เท่าทันสถานการณ์ ทราบถึงความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน ทำมาค้าขาย ศึกษาเล่าเรียน และอื่น ๆ ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง
การใส่หน้ากากเสมอ ใส่อย่างถูกต้อง เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยง และประคับประคองให้อยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้