หมอปลาพาผู้เสียหายบุกวัดตามหาพระหื่นข่มขืนสีกา เจ้าตัวหนีซุกบ้านญาติ ปฎิเสธเสียงแข็งไม่เคยข่มขืนใคร เชื่อถูกใส่ร้าย ด้านทนายไพศาลท้าส่งกางเกงเลอะคราบอสุจิตรวจพิสูจน์ความจริง

 

เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาคุณฤพล อาจหาญ ผู้สื่อข่าวช่อง8 พาผู้เสียหาย ลงพื้นที่ไปกับหมอปลา โดยพานาง บ. ผู้เสียหาย เดินทางไปที่วัดของพระช. ซึ่งเป็นวัดที่เจ้าตัวได้บวชเป็นพระ เพื่อตามหาตัวพระช. และสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อหมอปลาและคุณนฤพล เดินทางไปถึงวัด ได้สอบถามกับพระลูกวัดและเจ้าอาวาสกลับไม่ทราบว่า พระช. หายตัวไปไหน บอกเพียงแต่ว่า พระช. เพิ่งจะกินข้าวด้วยกันเมื่อช่วงเช้า และยังเจอกันอยู่เลย แต่ก่อนที่หมอปลาจะมา พระชาคริสหายไปไหนไม่รู้

จากนั้นหมอปลาและทีมข่าวหลายคน ต้องช่วยกระจายกันค้นหาทั้งในกุฎิวัด ห้องน้ำวัน ทั้งชั้นล่างและบนพระอุโบสถแต่ก็ไม่พบตัวพระรายดังกล่าวเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง

กระทั่ง คุณนฤพล ออกไปตามหาบริเวณวัด แล้วไปเจอ พระช. ได้ไปหลบอยู่ที่บ้านญาติหลังหนึ่งไม่ไกลจากวัด พร้อมบอกกับคุณนฤพล ว่าเรื่องดังกล่าวที่เป็นความจริง คุณนฤพล โทรหาหมอปลา บอกว่า "เจอแล้ว หลังจากนั้น หมอปลา ก็วิ่งเท้าไฟมาหาคุณนฤพล"

เมื่อไปถึงหมอปลาและญาติของพระช.ได้นิมนต์ให้พระช. เข้าไปคุยกันภายในวัด เพื่อชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยทันทีที่พระเห็นหน้าหมอปลา ก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียด และวิตกกังวล มือไม้สั่นอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อถึงวัด หมอปลาและทีมข่าวได้สอบถาม พระช. ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า พระช. เคยรู้จักกับนางบ. หรือไม่ และเคยไปข่มขืน หรือล่วงละเมิดหญิงคนใดหรือไม่ พร้อมกับนำหลักฐาน เป็นเสื้อผ้าของฝ่ายหญิง ซึ่งเป็นผ้าที่ผู้เสียหายชี้ว่า พระช. ได้ข่มขืนเธอจนสำเร็จความใคร่และได้ใช้เสื้อตัวนี้เช็ดคราบอสุจิ

พระอ้างว่า ตนเองนั้นไม่เคยไปข่มขืนหรือล่วงละเมิดนางบ. แม้แต่น้อย แต่ยอมรับว่า ตนเองมักจะเดินทางไปบ้านนางบ. บ้าง แต่ไม่บ่อย เนื่องจาก ตนเองนั้น รู้สึกดีและแอบชอบนางบ. ตั้งแต่ตอนที่ตนเองย้านมาอยู่วัดข้างบ้านนางบ. ตอนนั้นตนเองเดินบิณฑบาตรและได้เจอหน้าและหลงรัก ยอมรับว่า ตนเองพยายามที่จะสานสัมพันธ์กับนางบ. เรื่อยมา ส่วนนางบ. ก็มีทีท่าแสดงออกว่า ชอบตนเองเช่นกัน และตนเองเคยคุยกับนางบ. ว่า เมื่อถึงเวลา จะลาสิขาและเอาสินสอดไปขอแต่งงาน แต่นางบ. ได้เรียกเงิน 4 หมื่น ตนเองจึงไม่ได้อะไรต่อ

พระช. ยังยืนยันอีกว่า ทุกครั้งที่ตนเองเดินทางไปบ้านนางบ. ไม่เคยอยู่ด้วยกันสองต่อสอง และมีลูกสาวของนางบ.อยู่ด้วยตลอด ยืนยันไม่เคยข่มขืนหรือมีเพศสัมพันธ์กับเธอ ตนเองถูกนางบ. ใส่ร้าย ส่วนเรื่องคราบอสุจิ ที่เลอะบนเสื้อผ้าของผู้เสียหาย ตนเองยืนยันว่า ไม่ใช่คราบอสุจิของตนเอง และยินดีให้หมอปลาและทนายไพศาลนำไปตรวจหาความจริง


ยังไม่จบแค่นี้ พระช. ยังปากแข็งว่า ตนเองไม่เคยมีพฤติกรรมอย่างที่หมอปลาว่า และมองว่าตนเองถูกใส่ร้าย หมอปลาจึงพาผู้เสียหาย คือ นางบ. มาเผชิญหน้ากับพระพระช. ถึงกับทำตัวไม่ถูก และมีสีหน้าเครียดมากขึ้น

โดยนางบ. ได้พูดกับพระช. คำแรกว่า “จำไม่ได้หรอ ขึ้นไปในห้องชั้น ทำอะไรไว้ มีหลักฐานหมดทุกอย่าง ไม่ได้กล่าวหากันลอยๆ อย่าไปทำลายคนอื่นอีกเลย มันเสียความรู้สึก ผู้หญิงมันเป็นตราบาป” พร้อมกับ หยิบเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบอสุจิ บอกว่า ผ้าผืนนี้ไง ที่เธอใช้เช็ดคราบอสุจิ ฉันยังจำได้ดี อวัยวะเพศของเธอสั้นฉันจำได้ ทำให้พระช. ถึงกับอึ้งและแทบพูดอะไรไม่ออก ซึ่งเจ้าตัวยังคงปฎิเสธว่า นางบ. โกหกและกำลังใส่ร้าย

พระรายดังกล่าวก็ยังปฎิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ข่มขืน แต่ไม่ได้ปฎิเสธว่า อวัยวะเพศของตัวเองสั้น พร้อมโต้เถียงว่านางบ. ดูได้จากลักษณะภายนอกว่าอวัยวะเพศของใครสั้นโดยดูได้จากนิ้วโป้งเท้า นางบ. เถียงอีกว่า เธอขืนใจและข่มขืนฉัน ฉันพยายามต่อสู้ด้วยการกัดที่บริเวณหน้าอกข้างขวาจนเป็นแผล พระช. จึงพยายามเปิดหน้าอกด้านขวาให้ดูว่าไม่มีแผล

ทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันไม่มีทีท่าที่จะจบ ทำให้อดีตผู้ใหญ่บ้าน ที่ยืนฟังอยู่ เริ่มไม่พอใจหมอปลา ที่พยายามกล่าวหาพระ และได้ออกมาปกป้องพระ ให้ไปพิสูจน์กันทางกฎหมายแทน ก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาห้าม

ทีมข่าวยังคงซักถามพระช. ต่อ ซึ่งพระยังยืนยันว่าตนเองถูกใส่ร้าย และนางบ. หลอกเงินตนเองเอาไปซื้อของออนไลน์ต่าง ๆ นานา ซึ่งตนเองก็ยิมให้พระรัก ไม่คิดว่าจะมาทำแบบนี้กับตนเอง ตนเองยอมรับว่า รักนางบ. จริง พระก็มีหัวใจ และเป็นรักบริสุทธิ์ไม่เคยบังคับหรือข่มขืนจริงๆ แต่หากวันนี้ตนเองถูกจับสึก ก็คงต้องยอมรับและจะสึกให้ แต่ถ้าผลตรวจพิสูจน์ออกว่า คราบอสุจิไม่เป็นของตัวเอง


โดยก่อนหน้านี้ นายพยุง กิกสันเที๊ยะ อดีตผู้ใหญ่บ้าน ให้ข้อมูลว่า วันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา พระช. เพิ่งถูกสำนักพุทธ เรียกสอบมาแล้ว 1 ครั้ง เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้มีพฤติกรรมมั่วสีกา ซึ่งที่ผ่านมา พระช. เป็นพระปฏิบัติตนดีมาตลอด และหากกระทำผิดจริง ทางวัด ก็จะดำเนินการสึกทันที
ขณะที่ญาติของพระช. ต่างก็ออกมาปกป้อง และเปิดเผยพฤติกรรมฝ่ายหญิง โดยเฉพาะ นายสำราญ ทิพย์สันเที๊ยะ ลุงของพระช. บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพิ่งทราบข่าว และส่วนตัวก็ไม่เชื่อว่าพระหลานชายจะมีพฤติกรรมมั่วสีกา ส่วนทางฝ่ายหญิง เขาเคยได้ยินชาวบ้านเล่าต่อ ๆ กันมา ว่าชอบใช้อุบายเล่ห์กล หลอกล่อลวงเงินจากพระสงฆ์หลายรูป

ส่วนนางอุทร ทิพย์สันเทียะ ป้าของพระช. บอกว่าหลานชายบวชมาได้ 4 พรรษา โดยเธอเป็นคนบวชให้ จึงบวชให้พร้อมกับลูกชายของเธอ ซึ่งเหตุการณ์นี้ ส่วนไม่อยากปักใจเชื่อ ว่าพระหลานชายจะกระทำจริง เพราะเท่าที่ทราบพฤติกรรมฝ่ายหญิงก็ไม่ธรรมดา แต่หากผลการตรวจสอบพบว่า พระหลานชายเป็นทำผิดขึ้นมา ทางวัดจะดำเนินการลงโทษอย่างไร ก็แล้วแต่สมควร

ท้ายสุดแล้วหมอปลา และผู้สื่อข่าว ได้พูดคุยกับพระช. เบื้องต้นให้คำแนะนำให้ไปพูดคุยกับทางญาติ เรื่องหาทางออก ถ้าผิดก็ต้องยอมรับสารภาพ และสึกตามขั้นตอน แต่หากพระช.ยืนยันว่าบริสุทธิ์ ไม่ได้กระทำผิด ทนายไพศาลได้แนะนำให้สู้ตามกระบวนการยุติธรรม หากผลพิสูจน์คราบอสุจิไม่ตรงกับพระช. พร้อมคืนความเป็นธรรมให้กับพระช. ไร้มลทิน