ชาวบ้านโอด น้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็น ขึ้นฟอง ซ้ำซากมาหลายปี นำไปใช้ไม่ได้ ลำบากชาวบ้านต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในครัวเรือนซื้อน้ำใช้ อีกทั้ง พระเณรสุดทนอยู่ไม่ได้ต้องย้ายหนี วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเร่งแก้ด่วน หลังเคยร้องให้ตรวจสอบมาต่อเนื่องหลายปี ยังไม่มีความคืบหน้า!
วันที่ 15 มีนาคม 2565 ทีมข่าวช่อง 8 ได้รับการร้องเรียนขอให้ช่วยลงพื้นที่ไปตรวจสอบภายในพื้นที่วัดท่าแดง หมู่ 7 ตำบลกุดน้ำใส อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ หลังจากทั้งทางวัด ผู้นำหมู่บ้าน รวมถึงชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหามีน้ำเน่าเสียในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไหลผ่านชุมชน และวัดในคลองส้มป่อย
โดย นายอุทัย ลาภเกิด ผู้ใหญ่บ้านท่าแตง หมู่ 7 ตำบลกุดน้ำใส อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยต่อทีมข่าวว่า จากกรณีผลกระทบที่ชาวบ้านได้รับอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเกิดจากน้ำในแหล่งธรรมชาติบริเวณข้างวัด ซึ่งจะนำน้ำในจุดนี้มาผลิตน้ำประปาของหมู่บ้านด้วย แต่เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น ชาวบ้านไม่สามารถนำมาใช้อุปโภคบริโภค ใช้อาบหรือใช้ชีวิตประจำวันได้
ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงเดือนธันวาคม ปี 2564 ได้มีการยื่นหนังสือต่อหน่วยงานในพื้นที่ และผ่านไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่ายลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยระยะเวลาผ่านมานาน จนถึงขณะนี้เป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ด้านชาวบ้านต้องใช้น้ำประปาจากองค์การบริหารส่วนตำบลกุดน้ำใส ที่ต้องนำใส่รถเข้ามาแจกจ่ายเป็นจุดให้ชาวบ้านในช่วงหน้าแล้งของทุกปีที่ผ่านมาตลอด เพราะปัญหาน้ำเสียในจุดนี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงหน้าแล้งของทุกปี ซึ่งเกิดปัญหามานานหลายปีแล้ว ส่วนน้ำที่จะเอาไปใช้ในครัวเรือนเพื่ออุปโภคบริโภคนั้น ชาวบ้านต้องควักเงินซื้อเพิ่ม เพราะในส่วนน้ำที่นำมาแจกก็ไม่เพียงพอ และเป็นภาระในส่วนของค่าใช้จ่ายในครอบครัวของชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ด้วย
ส่วนสาเหตุที่น้ำเน่าเสียในครั้งนี้ ทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 กล่าวว่า มาจากต้นทางน้ำ ซึ่งอยู่ในอีกอำเภอใกล้เคียงที่ไหลผ่านมา อาจจะมีสารเคมีหรือสิ่งเจือปน และสะสมมลพิษมากับน้ำ ซึ่งทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิเคยมามาตรวจสอบสภาพน้ำใกล้เคียงบริเวณโรงงานในพื้นที่ใกล้เคียง ในเขตรอยต่อ 2 อำเภอที่อำเภอจัตุรัส และในรอยต่อเขตตำบลท่ากูบ อำเภอซับใหญ่ ทั้งนี้ยังไม่บ่งชี้ว่าน้ำเสียในครั้งนี้เกิดจากโรงงานแต่อย่างใด และในขณะนี้เป็นช่วงฤดูร้อน อาจเป็นการเน่าเสียของวัชพืชจึงทำให้เกิดน้ำเน่าจนมีสีเขียวส่งกลิ่นเหม็น และมีฟองขึ้นเท่านั้น
ด้าน นางกรรณิการ์ พิพิธกุล อายุ 40 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบน้ำเน่าเสียในชุมชนกล่าวว่า ชาวบ้านในรอยต่อกว่า 3 หมู่บ้านของ ต.กุดน้ำใส อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ใช้น้ำประปาจากแหล่งน้ำธรรมชาติในจุดนี้ และขณะนี้ในช่วงหน้าแล้งของทุกปีจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่สามารถนำน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมาใช้ได้เหมือนทุกปีที่ผ่านมาได้ ซึ่งมีบางคนนำน้ำในจุดนี้ไปใช้แล้วมีอาการแพ้ มีอาการผดผื่นคัน โดยที่ผ่านมาได้มีแก้ปัญหาโดยทำได้เพียงให้ทาง อบต.นำรถน้ำมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ชาวบ้านบางส่วนต้องซื้อน้ำมาใช้เองเพิ่มเติม และเป็นภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นด้วย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อ อยากฝากผ่านไปถึงทางพ่อบ้านพ่อเมือง อย่างผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ รวมไปถึงนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ฯ ช่วยลงมาแก้ปัญหาให้ชาวบ้านในจุดนี้ได้โดยเร็วเสียที ชาวบ้านต้องทนเดือดร้อนมานานจนสุดที่จะทนแล้ว
รวมทั้ง นายอนันต์ พิมพ์ใส อายุ 59 ปี ชาวบ้าน หมู่ 7 อีกหนึ่งเสียงจากชาวบ้าน ผู้เป็นเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ด้วย โดยกล่าวถึงผลกระทบจากน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติที่เคยนำไปใช้ในการเกษตร โดยวันนี้พบว่า น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติดังกล่าวไม่สามารถนำมาใช้ได้ เนื่องจากมีผลกระทบต่อพืชผักที่ตนเองปลูก โดยเกิดเป็นเพลี้ยแป้งจนเฉาตาย ทำให้ไม่ได้ผลผลิต จึงต้องมีการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการหาฮอร์โมนมาควบคุม เพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรของตนเองอยู่รอด จากปัญหาทั้งหมด ชาวบ้านยืนยันว่าไม่ได้กล่าวหาใคร แต่มีการปล่อยน้ำเสียออกมาสะสม เป็นเพียงแค่สมมติฐานเท่านั้น
โดยทั้งนี้ ทางทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่โดยตรง โดยองค์การบริหารส่วนตำบลกุดน้ำใส ได้มอบหมายให้ จ่าเอกสมใจ ชุ่มพะลัย นิติกรชำนาญการขององค์การบริหารส่วนตำบลกุดน้ำใส ชี้แจงว่า ทาง อบต.กุดน้ำใส รับทราบปัญหา และได้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้ว ทั้งนี้หลังจากได้รับเรื่องจากชาวบ้าน ทางชุดเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ พร้อมเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อทำการตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับปัญหานี้
ด้วยเหตุผลที่ว่า เส้นทางน้ำมีระยะทางคาบเกี่ยวหลายอำเภอระหว่าง 2 อำเภอ คืออำเภอซับใหญ่ และอำเภอจัตุรัส ดังนั้นการตรวจสอบ และการเข้าให้ความร่วมมือ จึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทั้ง 2 อำเภอ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ นอกจากนี้ ยังพาทีมข่าวลงพื้นที่ไปดูต้นทางน้ำ โดยพบว่า มีน้ำเสียก่อนที่จะไหลลงลำห้วย (ส้มป่อย) เป็นระยะทางยาวหลายสิบกิโลเมตร ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขในระยะยาว จะส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย และจะขยายเป็นวงกว้างต่อไปอีกหลายตำบลในเขตอำเภอจัตุรัส อีกด้วย
ซึ่งทั้งทางเจ้าหน้าที่ อบต. กุดน้ำใส ผู้นำหมู่บ้านบ้านท่าแตง หมู่ 7 เป็นตัวแทนชาวบ้านพาทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ตรวจสอบ ไปยังต้นทางน้ำใกล้เคียงโรงงานแห่งหนึ่งในเขตอำเภอซับใหญ่ บริเวณปากทางท่อระบายน้ำพบว่า ในจุดที่ 1 มีน้ำสีเขียวขึ้นฟองส่งกลิ่น ไหลซึมลงแหล่งน้ำสาธารณะ ส่วนอีก 1 จุดพบว่า มีน้ำไหลซึมออกมาแต่ยังคงเป็นน้ำที่ยังใสอยู่ จึงยังยืนยันไม่ได้ว่าน้ำที่เสียในลำห้วยส้มป่อยที่ชาวบ้านหลายหมู่บ้านนำมาใช้ในการผลิตประปาหมู่บ้านนั้นมาจากสาเหตุใด
ล่าสุด นายวรศิษย์ พุฒจีบ นายอำเภอจัตุรัส รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งส่งดำเนินการประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทางหน่วยงานอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิ ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ และหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เกิดความชัดเจนทั้งหมดโดยเร็วแล้ว ซึ่งคาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้านี้จะสามารถสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้โดยเร็วต่อไป