คืบหน้ากรณีชายสติไม่ดี โดนล่ามโซ่หนีออกจากบ้าน ล่าสุดพี่สะใภ้แจง จำเป็นต้องล่ามโซ่ เนื่องจากชอบทำร้ายคนอื่นและขโมยข้าวของชาวบ้าน เคยพาไปรักษาตัวใน รพ.สงขลา 5 เดือน ต้องกลับมา เพราะไม่มีเงินรักษาต่อ
(14 ต.ค.2564) ที่บ้านไม้ยกพื้น หมู่ที่ 2 ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล มีชายฉกรรจ์วัย 29 ปี ถูกล่ามโซ่ที่ข้อเท้าขวากับใต้ถุนบ้าน นานร่วม 2 เดือน เพื่อนบ้านและญาติต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากไม่ล่ามโซ่ไว้อย่างนี้ชายคนดังกล่าวซึ่งมีอาการคล้ายคนคลุ้มคลั่ง จะเข้าบ้านคนอื่นทำลายข้าวของอย่างไม่เกรงกลัว โดยสาเหตุหลักเกิดจากชายคนดังกล่าวเคยใช้สารเสพติด แม้จะมีการรักษาแล้วหลายปี ล่าสุดเพิ่งออกจากโรงพยาบาลในจังหวัดสงขลาได้เพียง 5 เดือน อาการก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก ทำให้ทางญาติต้องตัดสินใจล่ามโซ่ไว้เพื่อไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนหรือก่อกวนชาวบ้าน
พี่สะใภ้ ของชายคนดังกล่าว ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกัน บอกว่า ตนเป็นเพียงพี่สะใภ้ โดยสามีไปทำงานในประเทศมาเลเซีย และต้องอยู่กับลูกชายอีก 4 คน รวมทั้งน้องสามีเป็น 5 คน ไม่สามารถที่จะนำตัวไปรักษาพยาบาลต่อยังโรงพยาบาลในจังหวัดสงขลาได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่าย อีกทั้งพี่น้องฝ่ายแฟนก็ไม่มีใครช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย ทำให้ไม่สามารถที่จะนำตัวไปรักษายังโรงพยาบาลได้ จึงตัดสินใจล่ามโซ่ไว้แบบนี้ เพื่อเป็นทางออกของการแก้ปัญหา โดยก่อนตัดสินใจก็ได้ปรึกษาทางผู้นำในหมู่บ้านแล้ว โดยทุกคนในหมู่บ้านและผู้นำก็เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว
ขณะที่บ้านเพื่อนต่างบอกว่า ชายดังกล่าวเคยหลุดจากโซ่เข้ามาทุบกระจกที่บ้าน หากพูดจาด้วยและไม่ถูกใจ ก็เคยทำร้ายคนที่ขับรถผ่านไปมา ซึ่งยอมรับว่ากลัวเช่นกันหากหลุดออกมาจากโซ่ได้ พวกตนก็จะหนีเข้าไปอยู่ในบ้านและไม่ยอมพูดด้วย เพื่อเป็นการเลี่ยงการปะทะที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยชายคนดังกล่าวอายุ 29 ปี ได้เข้ารับการรักษาสารเสพติดมานานร่วม 10 ปี โดยมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ จนล่าสุดอาการเริ่มหนักขึ้น ทำให้ทางญาติต้องตัดสินใจล่ามโซ่ เพราะไม่สามารถที่จะดูแลชดใช้ค่าเสียหายที่ก่อเหตุไว้หลายครั้งได้
นายกรียา อาดำ กำนันตำบลเกตรี ระบุว่า กรณีนี้นายคนดังกล่าว คนในหมู่บ้านรู้จักกันดีว่ามีความบกพร่องทางสมอง โดยมียาเสพติดเป็นสาเหตุ บางครั้งก็ดีบางครั้งก็ร้าย โดยเฉพาะช่วงนี้ชอบทำร้ายร่างกายผู้อื่นและชอบขโมยของ ญาติต้องคอยรับผิดชอบตามไปใช้จ่าย ก่อนหน้านี้ก็เคยส่งตัวไปรักษา แต่ไม่ชอบทานยา และเป็นคนดื้อด้วย ทุกคนในพื้นที่เขารู้หมดแล้วเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ แม้มีการล่ามโซ่ก็มีการทุบกุญแจออกและเดินเข้าไปในหมู่บ้าน นำโซ่ไปด้วย เป็นความยากลำบากที่ไม่มีใครสามารถมาพูดคุย หรือหาคนมาดูแลเขาอย่างจริงจังได้ พ่อกับแม่ของเขาก็ได้เสียไปแล้ว เหลือเพียงพี่สะใภ้และพี่สาวก็อยู่ต่างพื้นที่ ทุกคนก็มีความลำบากหาเช้ากินค่ำ สำหรับนายตะวันมีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เป็นน้องคนสุดท้อง พ่อกับแม่ได้เสียไปหมดแล้ว ตอนนี้อาศัยอยู่กับพี่สะใภ้ ส่วนพี่ชายก็ไปออกเรือในประเทศมาเลเซีย พี่สาวคนที่ 5 ก็หมุนเวียนมาหาบ้างบางครั้งคราว
นอกจากนี้ ยังพบว่า ชายคนดังกล่าวมีบุตรสาว 1 คน วัย 13 ปี ซึ่งมีพี่สาวคนที่ 5 เป็นคนเลี้ยงดู ก็ไม่ยอมพูดจากับลูกสาวด้วยเช่นกัน ล่าสุด มักจะมีพฤติกรรมนั่งชันเข่าอยู่ใต้ถุนบ้านพร้อมโซ่ที่ล่ามข้อเท้าไว้กับเสาบ้าน ทุกวันพี่สะใภ้และหลานจะนำอาหารมาให้ หากอารมณ์ไม่ดีไม่พอใจก็ไม่ยอมกิน แม้กระทั่งยา ทางพี่สะใภ้จะต้องผสมในน้ำหรือกาแฟให้ดื่มกิน เพราะหากให้กินเป็นเม็ดจะไม่ยอมกิน และเคยบ่นว่า หากหลุดออกไปได้จะทำให้หนักกว่านี้ ซึ่งในที่นี้พี่สะใภ้คิดว่าจะไปทำลายข้าวของชาวบ้านให้หนักกว่านี้อย่างแน่นอน