ผู้ว่าฯ ยะลา ประกาศเคอร์ฟิว 3 ทุ่มถึงตี 4 ห้ามออกนอกเคหสถานถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้

 

นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดยะลา มีคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดยะลา ที่ 256/2564 เรื่องการดำเนินการตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 33 ว่าด้วยมาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน โดยมีรายละเอียดในหนังสือคำสั่งระบุว่า ตามที่มีการขยายระยะเวลาบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปเป็นครั้งที่ 13 จนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยนายกรัฐมนตรีลงนาม เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น

โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดยะลา จึงขยายระยะเวลามาตรการห้ามออกนอกเคหสถานดังนี้


ข้อ 1 การห้ามออกนอกเคหสถาน ในเวลา 21:00-04:00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้นตามข้อ 2


ข้อ 2 บุคคลที่ได้รับการยกเว้น ให้บุคลากรใดต่อไปนี้ ได้รับการยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่

  1. การสาธารณสุข ผู้ป่วย หรือ ผู้ที่มีความจำเป็นต้องพบแพทย์ รวมทั้งผู้ดูแลบุคคลดังกล่าว แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการด้านสาธารณสุข
  2. การขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน ได้แก่ ผู้ขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตทางการเกษตร น้ำมันเชื้อเพลิง ไปรษณีย์ พัสดุภัณฑ์ สิ่งพิมพ์ สินค้าเพื่อการส่งออกหรือนำเข้า
  3. การขนส่งหรือขนย้ายประชาชน ได้แก่ผู้ปฏิบัติงานขนส่งสาธารณะ ผู้ขนส่งและเดินทางมาจากหรือ ไปยังท่าอากาศยานหรือสถานีขนส่ง ผู้ขนส่งและประชาชนที่เดินทางไปยังที่เอกเทศตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
  4. การให้บริการหรืออำนวยประโยชน์ หรือ ความสะดวกแก่ประชาชน ได้แก่ ผู้ให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ คนไร้ที่พึ่ง หรือผู้ประสบภัย ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าและอาหาร ผู้บริการตรวจสอบหรือซ่อมบำรุงระบบสาธารณูปโภค ระบบระบายน้ำ ระบบท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ผู้จัดเก็บและกำจัดขยะมูลฝอย ผู้บริการซ่อมแซมและปรับปรุงโครงข่ายและอุปกรณ์ในการสื่อสารโทรคมนาคม ผู้บริการงานช่วยเหลือกู้ภัย การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภัยพิบัติ ผู้บริการด้านธนาคาร ตลาดทุน การประกันภัย ผู้จำเป็นต้องดำเนินงานกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือต้องติดต่อราชการกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่
  5. การประกอบอาชีพที่จำเป็น ได้แก่ ผู้ปฏิบัติงานตามรอบเวลา กะ หรือการทำงานตามผลัดเปลี่ยนเวรยาม หรือตามเวลาที่กำหนดไว้ตามปกติของทางราชการและเอกชน การทำงานในโรงงาน งานก่อสร้าง งานบำรุงรักษาหรืองานเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินงานได้ งานดูแลรักษาความปลอดภัย งานด้านเกษตรกรรม ประมง ปศุสัตว์ หรือการตรวจรักษาสัตว์
  6. กรณีจำเป็นอื่น ๆ ที่ได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะรายจากพนักงานเจ้าหน้าที่ให้บุคคลที่มีความจำเป็นตามข้อยกเว้นดังกล่าว แสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรแสดงตนอย่างอื่น และเอกสารรับรองความจำเป็น เอกสารที่เกี่ยวกับสินค้า บริการ การเดินทางหรือหลักฐานอื่น ๆ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด

ให้บุคคลที่มีความจำเป็นตาม 6. แสดงเหตุจำเป็นพร้อมหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เช่น นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอที่ได้รับมอบหมาย หัวหน้าสถานีตำรวจ หรือผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพื่ออนุญาต

ข้อ 3 การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ช่วยพนักงานเจ้าหน้าที่หรือบุคคลซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งของทางราชการ ตำรวจ ทหาร หรือพลเรือนซึ่งอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอื่น เข้าปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่และระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 1 ได้

ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมในการรับแจ้งเบาะแส เหตุฉุกเฉิน และเข้าปฏิบัติการ
ช่วยเหลือประชาชนตามหน้าที่และอำนาจ รวมทั้งปราบปรามผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้องที่อาศัยช่วงเวลา
วิกาลในการละเมิดกฎหมายด้วย

ข้อ 4 การบังคับใช้มาตรการที่กำหนด ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดยะลา และศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ (ตปก.อ.) บูรณาการกำลังฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และจัดชุดลาดตระเวนออกตรวจตรา เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด และกรณีที่มีการฝ่าฝืน ให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ถือเป็นความผิดต้องรับโทษตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และหรือมีโทษตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15-30 ก.ย.2564