2 พส. เข้าแจง กมธ.ศาสนา หลังถูกวิจารณ์ปมไลฟ์สดสอนธรรมะ ยืนยันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เสียงหัวเราะไม่น่าจะเป็นปัญหาระดับชาติ ระบุ หลังจากนี้จะปรับรูปแบบเป็น "ล.ร.ร.หรือ ไลฟ์เรียบร้อย" ขอให้เชื่อมือ ทำเด็กสนใจธรรมะมากขึ้นแน่ ก่อนทิ้งท้ายฝาก ส.ส. "ธรรมชาติตาอยู่ต่ำกว่าสมองเสมอ เวลาพบเจออะไร ขอให้คิดและไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจ"
พระมหาสมปอง ตาลปุตโต และ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ 2 พส (พระสงฆ์) วัดสร้อยทอง เดินทางมายังอาคารรัฐสภา เพื่อชี้แจงกรรมาธิการการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม ตามที่ นายสุชาติ อุสาหะ ประธานฯ ได้นิมนต์มา โดยกล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น นอนหลับปกติ และไม่ได้เตรียมตัวมาชี้แจงอะไรเป็นพิเศษ แล้วแต่กรรมาธิการฯ จะตั้งคำถาม พร้อมรับฟังว่าส่วนไหนที่เกินเลย หรือ ขาดไป ก็พร้อมที่จะปรับปรุง โดยส่วนที่เกินเลยอาจจะเป็นเสียงหัวเราะของพระมหาไพรวัลย์
พระมหาสมปอง กล่าวอีกว่า การไลฟ์สดครั้งแรกก็เหมือนการเรียนคาบแรก ต้องกล่าวทักทายนักเรียน เพื่อทำให้เด็กสนใจ ต่อไปก็จะเข้าสู่เนื้อหาและสอดแทรกธรรมะ เด็กก็จะหลับในคาบต่อ ๆ ไปนี่ล่ะ (หัวเราะ) พร้อมเปรียบเทียบต่อว่า เหมือนสอนคาบแรกแล้วถูก ผอ.ตำหนิ โดยยืนยันจะยังคงไลฟ์สดต่อไป แต่จะปรับเป็นแบบ "ล.ร.ร. หรือ ไลฟ์เรียบร้อย" ปรับให้มันดีขึ้น และขอให้เชื่อมือ ในฐานะที่บรรยายธรรมมากว่า 20 ปี รู้ดีว่าผู้ฟังแต่ละแบบเป็นอย่างไร ควรจะให้อะไรตอนไหน เรามีจังหวะของเรา
ด้าน พระมหาไพรวัลย์ ยังกล่าวยืนยันด้วยว่า ไม่กังวลแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า การไลฟ์สดไม่สำรวม และที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับหลายฝ่าย ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เสียงหัวเราะไม่น่าจะเป็นปัญหาระดับชาติ และวันนี้จะเป็นเวทีที่จะได้พูดคุยเต็มรูปแบบ ทั้งกรรมาธิการฯ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เช่นเดียวกับ พระมหาสมปอง ที่กล่าวเสริมว่า ตนก็ไม่รู้สึกกังวล เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคงเป็นห่วง และกรรมาธิการศาสนามีหน้าที่ดูแลและคุ้มครองพระสงฆ์ ขณะเดียวกันก็จะสอบถามกรรมาธิการฯ ด้วยว่า หลังจากนี้คงมีพระรุ่นใหม่ออกมาแสดงธรรมรูปแบบใหม่ ท่านจะคุ้มครองหรือจะทำร้ายเรา และหลังจากนี้หากมีฝ่ายใดจะเชิญไปชี้แจงก็พร้อม ไม่ได้เลือกแค่บางกลุ่ม
พระมหาสมปอง ยังฝากธรรมะถึงคนทั่วไปว่า จงลืมเสียเถิดความหลังและสร้างปัจจุบันกับอนาคต เพราะบางคนชอบไปยึดติดกับความหลัง เช่น มีคนไปรื้อคลิปเก่าของพระมหาไพรวัลย์ สมัยคนฟังหลักสิบหลักร้อยออกมาวิจารณ์ ทั้งนี้ยังได้ฝากธรรมะถึงนักการเมืองด้วยว่า “เมื่อเราอยากเป็น ก็ควรอยากทำงานด้วย ต้องทำเพื่อพี่น้องประชาชนให้สมที่อยากเป็นตัวแทน” ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ธรรมชาติของตาอยู่ต่ำกว่าสมอง จงอย่าตัดสินแค่การมอง จนลืมไตร่ตรองด้วยการใช้สมองที่สูงโปร่ง” เวลาเห็นอะไรให้ตัดสินใจดี ๆ ก่อน เช่นเรื่องของเรา 2 คน ที่เมื่อเห็นแล้วก็มาต่อว่าทันที ไม่รอดูให้จบก่อน ควรดูหนังให้จบม้วนแล้วค่อยตัดสิน
พระมหาไพรวัลย์ เสริมว่า "ถูกต้องทั้งหมดไม่มี ไม่ถูกต้องทั้งหมดก็ไม่มี ชั่งใจเอา จะทำให้ถูกใจทุกคนมันยาก อย่าว่าแต่หลักแสน คนดูหลักสิบยังตีกันเลย จึงเป็นเรื่องปกติ"
ก่อนเริ่มการประชุม ประธาน กมธ.ยืนยันว่า กรรมาธิการฯ มีอำนาจนิมนต์มาชี้แจง และต้องแยกเรื่องความเหมาะสมออก เพราะเป็นหน้าที่ของคณะผู้ปกครองสงฆ์ หรือเจ้าอาวาสที่เป็นผู้บังคับบัญชาตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ โดยจะมีการแถลงหลังประชุมเสร็จ