ชาวบ้าน ต.บ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรัง หมดใจ คลื่นกัดเซาะชายฝั่ง ผืนดินพังหายลงไปในทะเลลึกเข้ามาแล้วกว่า 100 เมตร ที่ผ่านมาทำประชาคมสอบถามแล้ว 3 ครั้ง แต่ยังมีไม่วี่แววหน่วยงานเข้ามาแก้ไข


ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และนายก อบต.บ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรัง นำผู้สื่อข่าวตรวจสอบสภาพปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่งบริเวณบ้านหัวหิน หมู่ 6 ต.บ่อหิน อ.สิเกา ซึ่งระยะทางยาวตลอดแนวชายฝั่งกว่า 250 เมตร ด้านหน้าลานกีฬาอเนกประสงค์ของหมู่บ้าน จนถึงถนนเส้นรอบหมู่บ้าน พบสภาพความเสียหายรุนแรง โดยชาวบ้านได้ร้องเรียนมาตลอดระยะเวลาประมาณ 15 ปี มีการทำหนังสือร้องเรียนอย่างจริงจังไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี 2559 ทั้งผืนดิน ทุ่งสวนสน ถนนเลียบชายหาดที่เป็นตัวหนอน ขณะนี้ถูกคลื่นซัดหายไปทั้งหมดแล้ว กลายเป็นทะเลลึกเข้ามาไม่ต่ำกว่า 100 เมตร ขณะนี้เหลือต้นสนส่วนน้อยไม่กี่ต้นที่พร้อมจะล้มตาม กับลานกีฬาที่พัง ไม่สามารถใช้ประโยชน์ใด ๆ ได้อีกต่อไป โดยพื้นปูนซีเมนต์ของลานกีฬาพังทลายลงมาเกือบทั้งหมดและอีกไม่นานก็จะถึงอาคารศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ก็พังทรุดโทรม โดยงบประมาณที่ทำลานกีฬา อาคารที่พักนักท่องเที่ยว ห้องน้ำ อาคารศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว และปรับภูมิทัศน์ทั้งหมด รวม 4,978,000 บาท ที่ผ่านมาทางหน่วยงาน อบต.บ่อหิน ร่วมกับชาวบ้าน พยายามเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขป้องกันส่วนที่เหลือ แต่ไม่เป็นผล

ที่ผ่านมา มีทางกรมโยธาธิการและผังเมือง ทำการสำรวจออกแบบการก่อสร้าง ซึ่งจะใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท และขณะนี้เรื่องอยู่ในความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่าแล้ว โดยมีการว่าจ้างบริษัทมาทำประชาพิจารณ์สอบถามความเห็นของประชาชนมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ท้ายที่สุดเรื่องก็เงียบหายไปกับสถานการณ์โควิด แต่ความเสียหายทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกวันดังภาพที่ปรากฏ

ชาวบ้าน เล่าว่า ขณะนี้ลานกีฬาของตำบลไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้อีกแล้ว เพราะคลื่นซัดพังเสียหายแล้วเกือบทั้งหมด แต่ไม่มีวี่แววว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการแก้ไขปัญหา

ด้าน นายจอมรวย เกลี้ยงช่วย นายก อบต.บ่อหิน ระบุปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่งบริเวณดังกล่าวเกิดขึ้นสะสมมานานตั้งแต่ปี 2549 โดยปีนี้มากที่สุด จนขณะนี้ผืนดินหายไปในทะเลแล้วมากกว่า 100 เมตร ความเสียหายตลอดแนวชายฝั่งยาวประมาณ 250 เมตร และใกล้ถึงถนนรอบภายในหมู่บ้าน โดยทาง อบต.เริ่มทำหนังสือถึงหน่วยงานต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2559 มาถึงขณะนี้

เดิมต้นสนเป็นสวนขนาดใหญ่หลายร้อยต้น แต่ขณะนี้ถูกคลื่นกัดเซาะหักโค่นลงทะเลไปทั้งหมด จนมาถึงลานกีฬาแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายที่กรมโยธาธิการและผังเมือง มาสำรวจ ออกแบบ 2 แบบ คือ แบบเติมทราย และแบบแข็ง แต่จะต้องทำแบบเติมทราย และตอนนี้มาถึงหน่วยงานล่าสุดที่รับผิดชอบคือ กรมเจ้าท่า ได้ผ่านการทำประชาคมประชุมครบ 3 ครั้งแล้ว บอกว่าของบประมาณอยู่ แต่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะเร่งด่วนดำเนินการ เพราะเสียหายหนักแล้ว เชื่ออีก 1-2 ปี น่าจะหมด ทั้งถนนเส้นทางสายหลักที่ชาวบ้านใช้สำหรับสัญจร ทำการเกษตรจะพังเสียหายทั้งหมดด้วย ซึ่งชาวบ้านจะยิ่งได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น ขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบเงียบหายไป ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ และไม่ทราบปัญหาติดขัด เดิมตั้งเป้าไว้ว่าจะได้ตอนงบประมาณปี 2565 แต่ตอนนี้ก็ไม่มี

ขณะที่ชาวบ้าน รวมทั้งผู้นำชุมชนก็มาสอบถามกับตนเอง และอบต.ตลอดเวลา ถึงความคืบหน้า ทาง อบต.ก็ตอบยาก เพราะงบประมาณของหน่วยงานนอก ไม่ใช่งบประมาณของ อบต. จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ