คู่กรณีขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนพยานปากเอกคดี "บอส อยู่วิทยา" เสียชีวิต ยืนยันไม่มีรับงานตัดตอน ระบุ ผู้ตายขับรถมาชนท้ายเอง

ตำรวจภูธรภูพิงค์ราชนิเวศน์ เชิญตัวนายสมชาย ตาวิโน อายุ 50 ปี คู่กรณีที่ขี่รถเฉี่ยวชนกับ นายจารุชาติ มาดทอง 1 ใน 2 พยานปากเอก คดี "บอส อยู่วิทยา" เสียชีวิต บริเวณสามแยกฟ้าธานี ถนนห้วยแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มาสอบปากคำเพิ่มเติม ท่ามกลางการตั้งข้อสังเกตจากสังคมว่า การเสียชีวิตครั้งนี้ มีเงื่อนงำเกี่ยวโยงกับคดี "บอส" หรือไม่

นายสมชาย บอกว่า วันเกิดเหตุหลังเลิกงานไปกินเหล้าที่หอพักกับเพื่อน จากนั้นตั้งใจจะไปหาหญิงสาวที่ชอบพอ อยู่ย่านถนนสันติธรรม ระหว่างทางขี่รถมาไม่เร็ว ประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จู่ๆ คู่กรณีก็ขี่รถจักรยานยนต์มาด้านหลัง พยายามจะแซงแต่ไม่พ้น จึงชนเข้าที่ด้านหลังฝั่งขวา ก่อนที่รถของคู่กรณีจะล้มลง ส่วนตนพุ่งไปชนกับเกาะกลางถนน มารู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล และมารู้จากหมอที่หลังว่า คู่กรณีเสียชีวิต

นายสมชาย ยอมรับว่า ตกใจมากเมื่อทราบว่า อีกฝ่ายเป็นพยานสำคัญในคดี "บอส" ยืนยันว่า ไม่รู้จักคู่กรณีมาก่อน ไม่รู้ว่าเป็นใคร และไม่ได้รับงานใครมาตัดตอนคู่กรณี ตอนนี้เครียดมาก

พันตำรวจเอกรณชัย รอดลอย ผู้กำกับการ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ กล่าวว่า ในส่วนของ นายสมชาย เบื้องต้นตำรวจจะแจ้งข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีนี้แม้จะเป็นคดีอุบัติเหตุ แต่ถือว่าขาดเจตนา

ขณะตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 5 จำลองเหตุการณ์ขณะเกิดอุบัติเหตุ พร้อมตรวจสอบหาร่องรอยการชนว่า รถคันใดเป็นฝ่ายชน และชนกันอย่างไร พบว่า มีการขับขี่รถตามกันมาตั้งแต่ถนนคันคลองชลประทาน ช่วง 01.38 น. ขี่ผ่านแยกต้นพยอม ก่อนจะเลี้ยวขวาบริเวณประตูเกษตร

หลังจากนั้นรถของทั้งคู่ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนนิมมาน มีการขี่ตีคู่กันมาตลอดทาง ก่อนจอดติดไฟแดง เลี้ยวขวาเข้าถนนห้วยแก้ว กระทั่งชนกันบริเวณแยกฟ้าธานี เกือบตลอดเส้นทาง นายจารุชาติ เป็นฝ่ายที่ขับขี่ตามหลังเป็นส่วนใหญ่

ส่วนการตรวจสอบสภาพรถจักรยานยนต์ของนายสมชาย และของนายจารุชาติ ซึ่งจอดอยู่ที่ข้างโรงพัก โดยมีการเรียกช่างจากศูนย์รถจักรยานยนต์ฮอนด้า มาให้ข้อมูลและร่วมตรวจสอบด้วย โดยเฉพาะระบบเบรก เบื้องต้นช่าง ระบุว่า รถจักรยานยนต์ทั้งสองคันนั้นอยู่ในสภาพปกติ ใช้งานได้ร้อยละ 80 - 90

นอกจากนี้ ยังนำข้อมูลเฉพาะของนายจารุชาติ ผู้ตาย ที่มีน้ำหนักตัว 90 กิโลกรัม และนายสมชายคู่กรณี ที่หนัก 80 กิโลกรัม มาประกอบเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ด้วย คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงจะทราบผลที่แน่ชัด

นอกจากนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ต้องสงสัย ไม่ทราบสี และยี่ห้อ แต่มีโคมไฟ 2 ดวง ขับติดตามรถผู้ตายมาด้วย อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า รถคันที่ขับติดตามมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

ส่วนบรรยากาศงานศพ นายจารุชาติ ที่บ้านพักในอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ญาติยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า

นางตา วังมูล แม่ของนายจารุชาติ เปฟิดเผยว่า เมื่อคืนตำรวจมาสอบปากคำว่า ลูกชายไปอยู่ที่เชียงใหม่ได้อย่างไร ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าลูกไปอยู่ที่เชียงใหม่ ก่อนหน้านี้รู้เพียงว่าลูกไปทำงานหลายที่ และยังเคยไปทำงานที่ต่างประเทศด้วย รวมถึงกรุงเทพฯ นานๆ ครั้งจึงจะกลับบ้าน ที่สำคัญไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกชายไปเป็นพยานในคดี "บอส"

เช่นเดียวกับ ด้านนายสมาน วังมูล พ่อเลี้ยงของนายจารุชาติ เล่าว่า เคยทราบว่า นายจารุชาติ ย้ายมาทำงานที่เชียงใหม่ 7-8 เดือน ก่อนเกิดเหตุ และเพิ่งทราบหลังเสียชีวิตว่า เป็นพยานในคดี "บอส" พร้อมบอกว่า ไม่ได้ติดใจการเสียชีวิตครั้งนี้ เชื่อว่าเกิดจากอุบัติเหตุ

วันพรุ่งนี้ครอบครัว จะเดินทางไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณที่จุดเกิดเหตุ และจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคมที่สุสานภายในหมู่บ้าน

คู่กรณีขี่รถเฉี่ยวชนพยานปากเอกคดี "บอส" ยันไม่ได้รับงานตัดตอน