ทนายตั้มนำตำรวจกองปราบ 2 ปาก เป็นพยานจำเลยคดีหวย 30 ล้าน ด้านทนายครูปรีชาเผยตำรวจกองปราบไม่ใช่ประจักษ์พยานไม่น่าหนักใจ

ศาลจังหวัดกาญจนบุรี นัดสืบพยานจำเลยในคดีที่ครูปรีชา ใคร่ครวญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์และรับของโจรกรณีลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 30 ล้านบาท

ซึ่งวันนี้เป็นการนัดสืบพยานจำเลย นัดที่ 4 บรรยากาศที่บริเวณหน้าศาล ตั้งแต่ช่วงเช้า ปรากฏว่า ครูปรีชาใคร่ครวญ เดินทางมาพร้อมด้วยทนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส เพียง 2 คนก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าในวันนี้การนัดสืบพยานจำเลย คาดว่าจะมีทั้งหมด 2 ปาก

โดยเป็นตำรวจกองปราบปรามทั้งสองปาก แต่ยังไม่ทราบว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ซึ่งแม้ว่าในส่วนการทำคดีหวย 30 ล้านของตำรวจกองปราบ จะแจ้งข้อกล่าวหาครูปรีชาไปในชั้นสืบสวนนั้น แต่ก็ไม่ได้ถือว่าส่งผลเสียต่อรูปคดีแต่อย่างใด เนื่องจากตำรวจกองปราบ ไม่ได้เป็นประจักษ์พยานที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่มีการซื้อขายลอตเตอรี่ที่ตลาดเรดซิตี้ ทางทนายจำเป็นที่ต้องนำสืบซักค้าน หักล้างให้ศาลได้เข้าใจให้ได้

ขณะที่ ครูปรีชากล่าวว่า การมาศาลในวันนี้ ไม่ได้มีความวิตกกังวลใดๆยังคงรู้สึกสบายๆเหมือนเช่นที่ผ่านมา

จากนั้นทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อมด้วยร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูลและภรรยา รวมถึงทีมทนายความ ได้เดินทางมาถึงศาลจังหวัดกาญจนบุรี ก่อนจะให้สัมภาษณ์ว่า การนัดสืบพยานจำเลยในวันนี้ มีการสืบจำนวน 2 ปาก ก็คือตำรวจกองปราบทั้งสองปาก คาดว่าน่าจะใช้เวลาสืบทั้งวัน เนื่องจากมีรายละเอียดจำนวนมาก

ส่วนข้อสังเกตที่ทนายฝั่งครูปรีชาได้กล่าวว่า ตำรวจกองปราบ ไม่ใช่ประจักษ์พยานที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นก็ถือว่าถูกต้อง แต่ถึงแม้ตำรวจกองปราบจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และไม่ได้เป็นประจักษ์พยาน แต่ก็ได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงในคดีหวย 30 ล้านมาตั้งแต่ต้น จึงมีข้อมูลและพยานหลักฐานหลายอย่าง ที่จะช่วยชี้ให้ศาลเห็นว่า ข้อมูลที่มีพยานขึ้นให้การทั้งในส่วนของพยานโจทก์และพยานจำเลยที่ผ่านมาข้อมูลใดบ้างที่เป็นข้อเท็จจริงและข้อมูลใดที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ซึ่งขัดกับพยานหลักฐานที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งจะช่วยให้ศาลได้รับทราบข้อมูลในคดีนี้อย่างละเอียดครบถ้วนมากยิ่งขึ้น

ทนายตั้มนำตำรวจกองปราบ เป็นพยานจำเลยคดีหวย 30 ล.