คดีล่าเสือดำ หลังจากมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นออกมา หลายคนติดใจสงสัย วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 จึงหยิบฎีกาคดีที่ พ.ต.ท.ล่าสัตว์ป่า มาเทียบกรณีเจ้าสัวเปรมชัย ซึ่งอัยการระบุว่า พฤติการณ์เหมือนกันแต่แตกต่างกันในรายละเอียด

ศาลชั้นต้นพิพากษาตัดสินนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัทอิตาเลียนไทย ดี เวล๊อป เมนต์ จำกัด (มหาชน) จากกรณีล่าเสือดำ พร้อมลงโทษจำคุก 16 เดือนกับ “เจ้าสัวเปรมชัย” โดยไม่รอลงอาญา ดูจะทำให้หลายฝ่ายพึงพอใจในผลคำตัดสินในช่วงแรกๆ แต่เมื่อข้อมูลเริ่มปรากฏมากขึ้น ก็เริ่มมีคำถามและข้อสังเกต

โดยเฉพาะความผิดฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต่างจากเดิมที่อัยการสั่งฟ้องคือ ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และยกฟ้องข้อหาร่วมกันมีซากเสือดำไว้ในครอบครอง ขณะที่ลูกน้องอีก 3 คนมีความผิดข้อหานี้

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อธิบายเกี่ยวกับคำตัดสิน ของศาลชั้นต้นในคดีนี้ ภาพรวมถือว่าเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าศาลจะไม่สั่งฟ้องตามข้อหาที่อัยการเห็นควรสั่งฟ้อง

แต่สถานะ การเป็น “ผู้สนับสนุน” ตามประมวลกฎหมายอาญา รองโฆษกอัยการสูงสุด ระบุว่า รับโทษ 2 ใน 3 ของความผิดนั้น หากเป็นผู้ก่อ ผู้ใช้ ผู้จ้างวาน จึงจะรับโทษเท่า “ตัวการ”

สำหรับคดีล่าเสือดำนายเปรมชัยถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุกทั้งหมดรวม 16 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตุว่า จำเลยอีก 3 คนที่เป็นลูกน้องนายเปรมชัย โดนข้อหาร่วมกันล่าเสือดำและครอบครองซากเสือดำ

แต่นายเปรมชัย กลับเป็นผู้สนับสนุนให้ไปล่าสัตว์ ไม่ได้ใช้ หรือจ้างวานให้ไปล่า และข้อหาครอบครองซากสัตว์ป่า มีเพียง ไก่ฟ้าหลังเทา แต่ ไม่มีซากเสือดำ ทั้งหมดนี้คงต้องรอดูคำพิพากษาอย่างละเอียดอีกครั้ง

ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ทีมอัยการฝ่ายโจทก์ จะดำเนินการยื่นอุทธรณ์เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้เสือดำต่อไป