นายกรัฐมนตรี ขอให้ทางการเมียนมาช่วยแก้ปัญหาฝุ่นละออง และหมอกควัน ระหว่างเป็นประธานร่วมในพิธีฉลองความสำเร็จ การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นประธานร่วมในพิธีฉลองความสำเร็จการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ 2 ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความสำเร็จของการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา แห่งนี้ เป็นผลจากการทำงานร่วมกัน และปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด เป็นประจักษ์พยานที่ชัดเจนถึงสายสัมพันธ์อันดียิ่ง ระหว่างไทย-เมียนมา และตอกย้ำการเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ”

จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อดำเนินพิธีการทางกฎหมายข้ามแดนระหว่างประเทศเป็นที่เรียบร้อย เปิดให้ประชาชน ยานพาหนะ และสินค้าต่าง ๆ ข้ามแดนได้แล้ว หน่วยงานราชการของไทยและเมียนมา จะประสานและปฏิบัติงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การมีเส้นทางคมนาคมขนส่ง เพิ่มอีกหนึ่งเส้นทาง จะช่วยเติมเต็มการพัฒนาของทั้งสองประเทศให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งในปัจจุบัน ซึ่งมีถึง 5 กรอบความร่วมมือด้วยกัน ได้แก่

กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง / กรอบความมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน / กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง/ กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับสนับสนุนความร่วมมือในหลากหลายสาขา ทั้งทางวิชาการและเศรษฐกิจ และกรอบความร่วมมือทวิภาคีไทย-เมียนมา

นายกรัฐมนตรี ยังใช้โอกาสนี้ ขอความร่วมมือจากเมียนมาในการช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง และหมอกควันข้ามแดน ซึ่งนางออง ซาน ซู จี เห็นด้วยว่า ปัญหานี้เป็นเรื่องสำคัญ รับปากจะสั่งการให้กระทรวงสิ่งแวดล้อมเมียนมา ดำเนินการต่อไป พร้อมให้กำลังใจประเทศไทยทีดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ ด้วย

พลเอกประยุทธ์ ยังได้พบปะประชาชนชาวจังหวัดตาก กว่า 10,000 คน ที่มารอให้การต้อนรับบริเวณด่านศุลกากร เชิงสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา โดยนายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกคนจะพัฒนาตัวเองให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมย้ำว่า บ้านเมืองต้องสงบสุข ลดความขัดแย้งให้มากที่สุด

ระบุตลอด 5 ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี เปรียบเหมือนพนักงานเก็บขยะที่ต้องมาแก้ปัญหาต่างๆ จนสามารถแก้ปัญหาได้มากมาย และพยายามแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น

พร้อมอธิบายสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการทั้งด้านการเกษตร การศึกษา ที่รัฐบาลมีกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยเหลือนักเรียนที่ขาดแคลน คนละ 25,000 บาทต่อปี สามารถช่วยเหลือเด็กได้กว่า 7 พันคน แต่ยอมรับว่า ไม่สามารถช่วยได้ทุกคน แต่สัญญาว่าจะทำให้ได้ต่อไป ด้านศูนย์ดำรงธรรมได้รับฟังและแก้ปัญหาจากประชาชนแล้วกว่า 4 ล้านเรื่อง

อย่างไรก็ตามในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีฝากให้ประชาชน เลือกผู้นำรัฐบาลที่เข้มแข็ง และมีธรรมาภิบาล ที่จะเข้ามาสานต่องาน และแก้ปัญหาประเทศ ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรี ยังได้ร้องเพลงหยุดตรงนี้ที่เธอ ที่เปิดให้ประชาชนได้ฟังด้วย

นายกรัฐมนตรีขอเมียนมา ช่วยแก้ปัญหาฝุ่นละออง-หมอกควัน