วัยรุ่น 3 คนที่ถูกตำรวจกระบี่จับ คดีทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวบนเกาะพีพียอมรับก่อเหตุจริง แต่สาเหตุไม่ได้เกิดจากการวิ่งราวทรัพย์ ตามที่ถูกกล่าวหา

กรณีนายสตีเฟ่น คอลเลนเดอร์ ทริมเบอ นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน โพสต์ภาพตัวเองใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือด ผ่านอินสตาแกรม พร้อมเขียนข้อความระบุว่า เมื่อคืนวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ไปเที่ยวเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เจอคนร้ายวิ่งราวกระเป๋านักท่องเที่ยวหญิงจึงวิ่งไล่ตามจนได้กระเป๋าคืน แต่ถูกรุมทำร้าย พร้อมอ้างว่า ตำรวจไม่รับแจ้งความในคืนเกิดเหตุ

ล่าสุด ตำรวจภูธรเกาะพีพี จับเยาวชน 17 ปี 18 ปี และอายุ 20 ปี พร้อมคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณชายหาดโล๊ะดาลัม โดยหนึ่งในผู้ก่อเหตุยอมรับว่า ทำร้ายนายสตีเฟ่นจริง แต่ยืนยันว่า ไม่ได้วิ่งราวกระเป๋า ตามที่นายสตีเฟ่นกล่าวหา

โดยเล่าว่า สาเหตุเกิดจากนายสตีเฟ่น กล่าวหาว่า ตนขโมยโทรศัพท์มือถือของนักท่องเที่ยวหญิง จึงขอโทรศัพท์ไปตรวจสอบ ก็พบว่า ไม่ใช่ของนักท่องเที่ยวหญิง  ตนจึงขอโทรศัพท์คืน

แต่นายสตีเฟ่น ไม่ยอมคืนให้ จึงเกิดการยื้อแย่งกันชุลมุน ตนตะโกนให้นายเอ ซึ่งนอนอยู่ในเรือใกล้ที่เกิดเหตุมาช่วย จากนั้นนายบอย ขับเรือมาที่หาดจุดเกิดพอดี จึงวิ่งมาช่วยอีกคน เพราะเห็นว่า พวกตนสู้นายสตีเฟ่นที่มีรูปร่างสูงใหญ่ไม่ได้

กระทั่งนายสตีเฟ่น ยอมคืนโทรศัพท์ พวกตนก็แยกย้าย ยอมรับว่า กระทำเกินกว่าเหตุ และพร้อมถูกดำเนินคดี

ส่วนการติดตามหาตัวนายสตีเฟ่น เพื่อนำตัวมาสอบสวน ล่าสุด พบว่า หลังเดินทางออกจากเกาะพีพี นายสตีเฟ่นเดินทางไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงประสานติดตามตัวมาสอบปากคำเพิ่ม

ผู้ต้องหารุมทำร้ายนทท.บนเกาะพีพียันไม่ได้วิ่งราวกระเป๋า