ช่วง 09.30 น.ของวันนี้ นายสำราญ อายุ 74 ปี พี่ชายเสี่ยหมาส พร้อมกับญาติ เดินทางมาที่สภ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช เพื่อติดต่อขอดูศพ หลังวันที่ 26 มีนาคม ทางตำรวจมีการพบศพปริศนาที่ถูกฆ่าฝังดินในบ้านหลักสิบ ต.บ้านลำนาว อ.บางขัน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช

 

เมื่อไปถึงทางกู้ภัยได้นำร่างศพที่พบทุกฆ่าฝังดินที่เก็บไว้ในโลงเย็นออกมา ซึ่งศพทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้มีการล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วจนเห็นสภาพศพที่แท้จริง เนื่องจากตอนวันที่เจอในหลุมฝังศพยังคงมีดินเปื้อนอยู่ตามร่างกายจำนวนมากทำให้เก็บหลักฐานได้ยังไม่ชัดเจน

 

สภาพศพเนื้อเปื่อยยุ่ยเกือบทั่วทั้งร่างกาย แต่ยังอยู่ในลักษณะสภาพดีที่สามารถเก็บหลักฐานที่อยู่ บริเวณช่วงหน้าอกจนถึงช่วงท้องถูกคนร้ายนำน้ำกรดที่มีลักษณะเป็นน้ำส้มฆ่ายางราด ทำให้อวัยวะบริเวณนั้นถูกกัดกร่อนและถูกทำลาย และยังส่งผลให้สภาพกลิ่นศพที่โชยมาไม่ได้แรงเหมือนศพทั่วไปเพราะเป็นการใช้น้ำส้มฆ่ายางราดเพื่ออำพรางกลิ่น

 

จากสภาพศพวันนี้ที่ญาติมาพบทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บชิ้นส่วนเสื้อผ้าและกางเกงของศพไปตรวจเพิ่มแล้ว แต่ได้นำมาให้ญาติดูเพียงบางส่วนและเป็นความลับเพื่อยืนยันว่าใช่ของเสี่ยหมาสหรือไม่ แล้วทางเจ้าหน้าที่ยังมีการนำมือของศพมาเก็บลายนิ้วมือเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับลายนิ้วมือของเสี่ยหมาส ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ

 

ในส่วนญาติเมื่อเห็นสภาพศพครั้งแรกก็โผกอดกันและร้องไห้ออกมาทันทีด้วยความสะเทือนใจ เพราะไม่คาดคิดว่าตัวเสี่ยหมาสจะกลายเป็นศพที่คนร้ายอุ้มมาจาก จ.ชุมพรและนำมาฆ่าฝังดินที่ จ.นครศรีธรรมราชได้อย่างเหี้ยมโหดขนาดนี้ ซึ่งตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นญาติร้องไห้ ก็ถามขึ้นมาทันทีว่าใช่ศพของเสี่ยมาสหรือไม่ ซึ่งญาติก็ยืนยันทันทีเช่นกันว่าเป็นศพของเสี่ยหมาสแน่นอน

 

โดยมีหลานเสี่ยหมาสที่ร้องไห้หนักและทำใจไม่ได้ที่เห็นสภาพศพน้าชาย เดินร้องไห้ออกจากห้องดูศพแล้วไปสงบสติด้านนอก มีญาติที่ไปด้วยกันคอยปลอบใจตลอด

 

ต่อมานางจารุวรรณ หลานเสี่ยหมาส บอกว่า หลังจากที่ตนเองได้ดูศพปริศนาที่ถูกฆ่าฝังดิน ยืนยันได้ว่าเป็นศพของเสี่ยหมาสอย่างแน่นอน ตนจำฟันปลอมของเสี่ยหมาสได้เพราะเจ้าตัวเหลือฟันอยู่ไม่กี่ซี่ ส่วนบริเวณท่อนด้านบนปกติแล้วจะมีนมสามเต้า แต่จากสภาพศพที่พบถูกทำลายไปแล้วด้วยน้ำกรดกัดเซาะ ส่วนที่กะโหลกเห็นไม่ชัดว่ามีรอยแผลเย็บหรือไม่ เพราะเสี่ยหมาสเคยประสบอุบัติเหตุรถคว่ำมาก่อนจึงมีแผลเย็บที่ศีรษะ

 

นอกจากนี้ตำรวจยังให้ดูเสื้อผ้าในตอนที่พบกับศพ เสื้อกับกางเกงอาจจะไม่ชัดเจนว่าใช่ของเสี่ยหมาสหรือไม่ แต่พอตนเองได้เห็นผ้าขาวม้าสีแดงลายสก็อต ก็จำได้ทันทีว่าเป็นของเสี่ยหมาส เพราะเจ้าตัวชอบผูกผ้าขาวม้าติดตัวตลอดเวลา และผืนนี้ก็เป็นผืนโปรดของเสี่ยหมาส ที่ตนจำลักษณะร่างกายและการแต่งตัวของเสี่ยหมาสได้เนื่องจากตนก็ช่วยงานอยู่ที่บ้านพักของเสี่ยหมาสมาตลอด

 

ตนสะเทือนใจมากที่เห็นสภาพศพ อยากบอกว่าคนร้ายใจดำมาก อำมหิตมากและโหดเหี้ยมมากด้วย อยากจะบอกครั้งสุดท้ายว่า “หลับให้สบายไม่ต้องห่วงอะไร”

 

โดยนายสำราญ (พี่ชายของเสี่ยหมาส) บอกว่า หลังจากที่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเพียงว่า ขณะนี้ยังรอผลการชันสูตรพลิกศพก่อน ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะต้องใช้เวลากี่วัน แต่เข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างรอบคอบ

 

ปกติแล้วเสี่ยหมาสชอบแต่งตัวชุดธรรมดา กางเกงยีนขาสามส่วน ผูกผ้าขาวม้า แต่ศพที่พบก็ใส่กางเกงยีนขาสามส่วนเช่นเดียวกัน แต่ตนยังไม่ปักใจเชื่อเพราะคนร้ายอาจมีการเปลี่ยนชุดศพก่อนโยนก่อนฝังอำพรางศพก็ได้

 

เมื่อถามถึงเจ๊อ้วนที่ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวก่อนหน้านี้หลายประเด็น ตนมีความรู้สึกคับแค้นใจ ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมดว่าเจ๊อ้วนจะเป็นคนจ้างฆ่าวานน้องชายตน ซึ่งเจ๊อ้วนก็ยังติดต่อมาทางตนว่าอยากจะจัดการงานศพของเสี่ยหมาส แต่ตนก็ปัดไปก่อนว่ามันยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น ค่อยมาคุยกันอีกครั้ง

 

ยืนยันตนยังไม่สงสัยเจ๊อ้วน 100% อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานในตอนนี้ เพราะจะให้ตนไปชี้ชัดว่าผิดจริงหรือไม่มันก็ไม่ใช่ เพราะก็เคยเป็นคนในครอบครัวแล้วอยู่ด้วยกัน ส่วนกรณีที่เจ๊อ้วนสั่งเสียพินัยกรรมถึงบุคคลต่างๆ จ๊อ้วนก็ไม่ได้พูดทั้งหมดยังไม่ได้สั่งเสียทั้งหมด เพราะที่ดินตรงสวนทุเรียนเป็นที่ดินสปก. คุยว่าจะยกให้ใครได้แต่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมายมันทำไม่ได้ ส่วนดีที่ผ่านมาของเจ๊อ้วนก็มี

 

ส่วน “เก๋” ยืนยันว่าตนไม่ได้รู้จักกับเขา ที่เก๋ออกมาเรียกร้องว่าทำไมไม่ได้สมบัติ มันเป็นความต้องการของเขาไปเอง แต่ตามจริงก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในทรัพย์สมบัติตรงนี้นานแล้ว

 

ถ้าผลชันสูตรศพออกมาว่าเป็นศพของน้องชายตนจริงจะมีการเดินทางมาที่ จ.นครศรีธรรมราชอีกครั้งเพื่อติดต่อรับศพนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ สำนักสงฆ์พระยืน ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ส่วนการเชิญวิญญาณที่จุดที่พบศพ ต้องให้ผลชันสูตรพลิกศพออกมาก่อนว่าเป็นของน้องชายตนจริง

 

ความคืบหน้าวันนี้บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้า ทราบว่า เจ๊อ้วน ได้ตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 หลังจากนั้น ช่วง 7-8 โมงเช้าได้ลุกไปอาบน้ำ และทานข้าวตามปกติ

 

กระทั่งช่วง 11 โมงวันนี้ หลังจากที่ครอบครัวของเสี่ยหมาสบางส่วนได้เดินทางไปยืนยันอัตลักษณ์ของศพที่ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ว่าคือ เสี่ยหมาสจริงหรือไม่ ซึ่งป้าอ้วนที่สุขภาพ และขาไม่ดี ได้นั่งฟังอยู่ที่บ้าน

 

จนกระทั่ง 11.30 น. เมื่อญาติได้แจ้งกับเจ๊อ้วนว่า ศพที่พบคือ เสี่ยหมาส 100% จากนั้น เจ๊อ้วนได้ปิดโทรทัศน์และได้นั่งร้องไห้อยู่ภายในบ้านลำพังเกือบตลอดทั้งวัน

 

กระทั่งต่อมา ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้เข้าไปสอบถามเจ๊อ้วนอีกครั้ง เธอเปิดใจทั้งน้ำตาว่า จนถึงตอนนี้ตนเองค่อนข้างมั่นใจและศพที่พบคือศพของสามีตนเองจริง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กางเกงสามส่วน เป็นชุดตัวที่สามีใส่ครั้งสุดท้ายก่อนจะหายตัวไปจริงๆ และอยากให้สังเกตที่ติ่งหูของสามีข้างซ้ายที่แหว่ง ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่สามารถยืนยันตัวตนของสามีได้ เนื่องจากสามีเคยประสบอุบัติเหตุรถชนมาก่อน รวมถึง เสี่ยหากสภาพศพยังพอมองได้ ให้สังเกต หัวนมของเสี่ยจะมี 3 หัวนม โดยเสี่ยจะมีเม็ดไฝซึ่งมีลักษณะคล้ายหัวนมบริเวณหน้าอกเสี่ยอีก 1 จุด คล้ายหัวนม

ญาติดูศพ "เสี่ยหมาส" ปล่อยโฮจำตำหนิ "นม3เต้า" ได้