ผบก.น. 5 ประชุมเจ้าหน้าที่คดีโยโกะ ในชั้นตำรวจยุติแล้ว เชื่อไม่มีบุคคลใดกระทำ แม่ยังคาใจขวดไซยาไนด์ไม่พบรอยนิ้วมือใคร

วันที่ 18 มี.ค. ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) พล.ต.ต.วิทวัส ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้เรียกพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เข้าประชุมสรุปสำนวนคดีการเสียชีวิตของนางสาวพราวรวี หรือโยโกะ พริตตี้สาวที่เสียชีวิตภายในห้องพักของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านเอกมัย เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2566 พร้อมกับเชิญครอบครัวของโยโกะ มารับฟังคำชี้แจงถึงการสรุปสำนวนคดี

ภายหลังการประชุม พล.ต.ต.วิทวัส เปิดเผยว่า การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทางคดีของพนักงานสอบสวนในชั้นตำรวจเป็นที่ยุติแล้ว และเชื่อว่าไม่มีบุคคลใดทำให้นางสาวพราวรวีเสียชีวิต หลังพบสารไซยาไนด์ในร่างกายตามผลชันสูตรของนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะเป็นการนำผลชันสูตรพลิกศพของผู้เสียชีวิต ส่งให้พนักงานอัยการไต่สวนในชั้นศาล ส่วนประเด็นที่ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตยังติดใจถึงสาเหตุการตายนั้น ก็สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตได้ หากมีหลักฐานเพิ่มเติม

ด้านนางธัญพัฒน์ แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากได้รับฟังคำชี้แจงจากตำรวจ เบื้องต้นก็คลายปมข้อสงสัยไปบ้างบางส่วน แต่ยังติดใจในเรื่องของขวดใส่สารไซยาไนด์ที่พบในห้องนอน จากการตรวจสอบหลักฐานของตำรวจไม่พบลายนิ้วมือหรือดีเอ็นเอของใครบนขวด รวมถึงตัวผู้เสียชีวิตเอง ซึ่งขัดจากความเป็นจริง หากพยายามนำสารดังกล่าวมาทำร้ายตัวเอง ก็ต้องพบรอยนิ้วมือบนขวด แต่พบรอยนิ้วมือจำนวนมากบนถุงซิปล็อก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของใคร เนื่องจากลายนิ้วมือทับซ้อนกันเป็นจำนวนมาก ทางครอบครัวจึงเชื่อว่ามีบุคคลพยายามทำให้เสียชีวิต ส่วนหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ตนได้ประสงค์ขอตรวจสอบอีกครั้งที่ 2 เนื่องจากยังมีบางช่วงบางตอนที่ยังไม่เห็น

ขณะที่ นายกฤษฏิ์พงษ์ เสาม่วง ทนายความของครอบครัวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า จากกรณีที่ตำรวจยุติการหาพยานหลักฐาน ก็เป็นเรื่องที่ทางครอบครัวจะต้องพูดคุยกัน และพยายามหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามข้อสงสัย เพื่อใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในขั้นตอนการไต่สวนในชั้นศาล ส่วนแช็ตการพูดคุยที่มีลักษณะกดดันจะเข้าข่ายข่มขู่ สามารถยื่นเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อฝ่ายชายได้หรือไม่นั้น ตนยังไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ในขณะนี้ ขอกลับไปรวบรวมพยานหลักฐานดูก่อนว่าสามารถเอาผิดได้หรือไม่