เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ของเช้าวันนี้ ศูนย์วิทยุกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. เมืองจันทบุรี ให้ร่วมตรวจสอบเหตุผู้เสียชีวิตภายในบ้านเช่าตรงข้ามกับวัดศิริการ จังหวัดจันทบุรี จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ พร้อมกั้นสถานที่เกิดเหตุไว้เนื่องจากเป็นเหตุฆาตกรรม

ตรวจสอบภายในบ้าน พบร่างผู้เสียชีวิต 2 ราย รายแรกเป็นหญิงสูงอายุ ทราบชื่อคือ นางช่วย อายุ 81 ปี นอนหงายจมกองเลือด อยู่ที่เสื่อกลางโถงห้อง มีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมเข้าที่บริเวณขมับ และใบหน้า ส่วนรายที่ 2 เป็นชาย ผูกคอกับประตูห้องนอนเสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายภุชงค์ อายุ 40 ปี เป็นลูกชายของผู้เสียชีวิตรายแรก

 

เบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในบ้าน พบขวานวางอยู่บนที่นอน คาดว่าเป็นอาวุธที่นายภุชงค์ ใช้ก่อเหตุฆ่าแม่ตัวเอง ก่อนที่จะใช้เชือกผูกคอตัวเองตายตาม นอกจากนี้ยังพบขวดเหล้าขาววางอยู่ด้วย อาจเป็นไปได้ว่ามีการดื่มเหล้าและเมาก่อนก่อเหตุ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ส่งโรงพยาบาลพระปกเกล้า เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

โดยนายนิติธร เป็นลูกชายคนที่ 5 ของนางช่วย และเป็นคนที่ขับรถกระบะไปส่งนางช่วยที่ห้องเช่าของน้องชายคนสุดท้องในวันที่ 19 มกราคม ซึ่งมีภาพหลักฐานจากวงจรปิดบันทึกนาทีที่นายนิติธรขับรถกระบะสีบรอนซ์เงิน ขับเข้าไปจอดที่วัดศิริการ ช่วง 15.47 น. วันที่ 19 มกราคม ห่างจากห้องเช่าของน้องชายคนเล็กเพียงแค่ประมาณ 15 เมตร

พอหลังส่งแม่เสร็จ แม่ก็เดินออกจากลานจอดรถภายในวัดไปที่บ้านเช่าของน้องชายทันที ไม่คาดคิดว่าจะเป็นนาทีสุดท้ายที่ได้เจอหน้าแม่ก่อนถูกน้องชายฆ่าอย่างโหดเหี้ยม

 

นายนิติธร บอกว่า แม่มีลูกชายทั้งหมด 6 คน โดยตนเป็นคนที่ 5 ส่วนน้องชายคนที่ก่อเหตุเป็นคนสุดท้องคนที่ 6 ซึ่งครอบครัวของตนสูญเสียพ่อไปเมื่อหลายปีก่อน และสะเทือนใจที่สุดคือตนต้องการดูแลแม่ให้ดีที่สุดต่อจากนี้ แต่กลายเป็นว่าน้องชายของตนหลอนยาเสพติดและคลั่ง จึงใช้ขวานฆ่าแม่อย่างโหดเหี้ยม

ก่อนเกิดเหตุ ตนไปส่งแม่ที่วัดใกล้ห้องเช่าของน้องชายวันที่ 19 มกราคม และนัดกับแม่จะไปรับกลับมาที่ช่วงเช้าวันที่ 21 มกราคม แต่ปรากฏว่าตอนที่ไปรับแม่ที่ห้องเช่า น้องชายโทรหาแม่ แม่ไม่รับโทรศัพท์ ด้วยความร้อนใจจึงแจ้งตำรวจ และพอบุกเข้าไปในห้องก็พบภาพที่สะเทือนใจ คือ น้องชายผูกคอตาย และแม่ก็ถูกน้องฆ่า

พฤติกรรมของน้องชาย ติดยาเสพติดตั้งแต่อายุประมาณ 18 ปี โดยเกเรมาตั้งแต่เล็ก เรียนถึงแค่ชั้น ป. 6 เท่านั้น จากนั้นก็มีพฤติกรรมเสพยาเสพติดหนักขึ้น และทะเลาะกับเพื่อนบ้านรวมทั้งคนงานที่อยู่ในบ้าน

 

ช่วงปี 2565 ก่อเหตุหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นไปหยิบเชือกจะมารัดคอแม่ แต่ตอนนั้นแม่หนีทันก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านจึงรอดตาย ต่อมาปีเดียวกัน ไปทะเลาะกับคนงานสวนผลไม้ที่บ้านถึงขั้นไล่ทำร้ายกัน และน้องก็ถูกคนงานใช้ไม้ตีขาจนได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถเดินได้ตามปกติ ด้วยความรักลูก แม่ก็แก้ปัญหาโดยการให้น้องออกมาจากบ้านพักและก็มาเช่าบ้านเช่าอยู่ ส่วนค่าเช่าบ้านและค่ากินค่าใช้ตนเป็นคนจ่ายให้น้องชายตกเดือนละ 10,000 บาท

ปมที่ฆาตกรรมแม่ และปมที่ทำร้ายร่างกายแม่ก่อนหน้านี้ เพราะน้องชายประสาทหลอนเกิดอาการคลั่งจากยาเสพติด เลยเห็นแม่เป็นคนอื่นก็เลยมาฆ่าแม่ เสียใจที่เป็นคนไปส่งแม่ที่บ้านเช่าน้องชาย ถ้าคิดว่าแม่ไปแล้วจะตายจะไม่ไปส่งเลย

ส่วนก่อนแม่จะถูกฆ่า แม่ได้โทรศัพท์มาหาตนว่าเจอกล่องพัสดุแปลกๆ ซึ่งเป็นกล่องที่ยาวและใหญ่มาก ตนก็เชื่อว่าน้องได้สั่งขวานออนไลน์มาส่งที่บ้านพัก โดยเตรียมการไว้ก่อนที่จะฆ่า

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายเริญ (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน บอกว่า เป็นเหตุการณ์ที่น่าสลดใจเพราะก่อนที่จะเกิดเหตุแม่ของคนก่อเหตุมาที่ห้องเช่า  คนก่อเหตุได้ชวนเพื่อนมากินเหล้าที่ห้องเช่า ซึ่งเพื่อนได้มาเล่าให้ตนฟังว่า คนก่อเหตุบ่นแปลกๆ ตอนเมา “อยากฆ่าตัวตายแต่ถ้าตัวเองตาย  จะเอาแม่ไปอยู่ด้วย” ตอนนั้นทั้งเพื่อนและตนก็ไม่ได้เอะใจ

 

จนกระทั่งทราบอีกว่า ช่วงแม่คนก่อเหตุมาที่บ้านเช่า มีคนมาส่งของลักษณะเป็นกล่องยาวๆ ตอนนั้นตนเองเห็นก็เอะใจว่าเป็นกล่องอะไร แต่พอตอนนี้มานึกได้ความยาวของกล่องคล้ายความยาวของขวาน คนก่อเหตุอาจสั่งขวานทางออนไลน์หลังแม่มาแล้วหรือไม่ เป็นข้อสงสัยของตน  เพราะมันแปลกมีการเตรียมเชือกไว้ผูกคอตัวเอง แล้วก็มีอาวุธขวานไว้ฟันแม่

นอกจากนี้ ก่อนแม่คนก่อเหตุมาอยู่ด้วย คนก่อเหตุก็ยังไปซื้อแมวเปอร์เซียมา อายุประมาณ 2-3 เดือน แต่ด้วยความที่คนก่อเหตุไม่สุงสิงกับใครอยู่แต่ในบ้านพัก หิวก็สั่งของกินออนไลน์มาส่งที่บ้าน นานๆ ครั้งถึงจะออกจากบ้านไปซื้อเหล้าขาวมากิน ก็เลยไม่อยากถามอะไรมากนัก แต่หลังเกิดเหตุก็เห็นแมวเปอร์เซียเดินไปเดินมาอยู่บริเวณห้องที่เกิดเหตุคล้ายเฝ้าศพเจ้าของมัน

ส่วนตัวเชื่อว่าวางแผนมาแล้วที่จะฆ่าตัวเองตายแต่ไม่ยอมไปคนเดียวก็เลยฆ่าแม่ไปด้วย เพราะคนก่อเหตุเป็นคนที่รักแม่มาก แม่ดูแลเขาดีทุกอย่าง โดยแม่คนก่อเหตุมีลูกชายทั้งหมด 6 คน คนก่อเหตุเป็นลูกชายคนที่ 6 แล้วต่อมาเห็นว่าทะเลาะกับที่บ้านก็เลยต้องมาเช่าบ้านเช่าอยู่ที่นี่ลำพัง นานๆ ครั้งแม่ก็จะมาอยู่ด้วย พอแม่มาอยู่ก็จะมีผลไม้มาเสิร์ฟเพื่อนบ้านเสมอแล้วก็จะเตือนเพื่อนบ้านว่า “ถ้าหากได้ยินเสียงอะไรตอนดึกไม่ต้องออกมา เพราะอันตราย ลูกชายเป็นคนสติไม่ดี” ตนสงสารแม่บังเกิดเกล้าของคนก่อเหตุมาก

 

ต่อมาทีมข่าวยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนที่คนก่อเหตุจะลงมือสังหารแม่บังเกิดเกล้า  ได้เดินไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่งห่างจากบ้านเช่าประมาณ 80 เมตร  เราจึงเดินทางไปที่ร้านค้าดังกล่าวและได้พูดคุยกับนางนี (นามสมมติ) แม่ค้าที่ร้าน เล่าว่า ช่วงเย็นวันที่ 20 มกราคม นายภุชงค์ได้เดินออกมาจากห้องเช่า แล้วก็มาซื้อเหล้าข้าวหอม 3 ขวด ก่อนเดินกลับไป ไม่คิดว่าเช้าวันต่อมาเจ้าตัวจะฆาตกรรมแม่บังเกิดเกล้าแล้วก็ผูกคอตาย โดยในที่เกิดเหตุมีเหล้าข้าวหอม 2 ขวดที่ซื้อจากตนเปิดกินทิ้งไว้แล้วในห้อง 

พฤติกรรมนายภุชงค์ ไม่ได้มีท่าทีแปลก แต่งตัวสะอาดทาแป้งและมีกลิ่นหอม พูดจาดีสุภาพ ไม่ได้มีท่าทีเมาเหล้าหรือไปเสพยาเสพติดมา ก็เหมือนกับทุกครั้งที่ออกมาซื้อเหล้า ซึ่งเจ้าตัวจะชอบซื้อแต่เหล้าข้าวหอมเพราะมันกลิ่นหอมกว่าเหล้าทั่วไป ซึ่งประมาณ 3-4 วัน จะออกจากห้องเช่ามาซื้อเหล้า ไม่ได้ออกมาบ่อยนัก

ส่วนกรณีที่ว่าไปเจอขวดเหล้าภายในห้องพักประมาณ 5 ขวด โดย 3 ขวดยังไม่เปิด และอีก2 ขวดเปิดกินไว้ขณะที่กินข้าวแล้ว ปกตินิสัยของนายภุชงค์มักจะชอบซื้อเหล้าสะสมไว้ในห้องเช่า แล้วเปิดกินประมาณ 2-4 ขวดต่อครั้ง

และนิสัยของแม่นายภุชงค์ เป็นคนที่อัธยาศัยดีมากและมีน้ำใจต่อเพื่อนบ้าน ทุกครั้งที่มาเยี่ยมลูกก็จะถือผลไม้มาให้เพื่อนบ้านเป็นของฝาก ผลไม้ก็จะมาจากสวนทุเรียนสวนลำใยของตัวเองบ้าง แล้วก็ซื้อมาจากตลาดให้เพื่อนบ้านทุกครั้งที่มาเยี่ยมลูก