ฆ่าเผาเสี่ยร้านคาเฟ่ในทุ่ง พิรุธชายบุกหาทวง 7 แสนก่อนเป็นศพ

วันนี้ 24 มิ.ย. 66 เวลา 11.00 น. พ.ต.ท.ธนาเศรษฐ์ อภิวัชร์ชยังกูล พนักงานสอบสวน สภ.ดอนหว่าน จ.มหาสารคาม ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถจักรยานยนต์ ที่บริเวณทุ่งนาบ้านหนองอีดำ ต.หนองโน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 คน จึงแจ้งแพทย์เวรและพิสูจน์หลักฐานพร้อมกู้ภัยตักสิลามหาสารคาม ร่วมตรวจที่เกิดเหตุ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุห่างจากถนนลูกรัง 500 เมตร พบศพดำเป็นตอตะโก 1 ศพ สภาพศพนอนคว่ำหน้าลงข้างรถจักรยานยนต์ที่ถูกเผาเหลือแต่โครงรถ เหมือนอยู่ในท่านั่งค่อมรถจักรยานยนต์ไว้แล้วพอโดนไฟเผาก็ล้มลงมาด้านข้างรถ โดยขาทั้งสองข้างได้หักขาดไป จึงทำการตรวจสอบ และส่งพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล

ต่อมานางสาวศันสนีพร วิทักษบุตร อายุ 40 ปี พี่สาวคนเสียชีวิต ยืนยันว่า เป็นศพของน้องชาย นายวรุฒ วิทักษบุตร อายุ 34 ปี หายออกจากบ้านไปเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ช่วง 10.00 น. ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ถูกเผาเป็นของน้องชายเช่นกัน เป็นรถจักรยานยนต์ของน้องชาย โดยหลังน้องชายหายตัวไปได้ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองมหาสารคาม

วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปจุดเกิดเหตุบริเวณทุ่งนาบ้านหนองอีดำ ต.หนองโน อ.เมือง จ.มหาสารคาม จุดที่พบศพนายวรุฒ วิทักษบุตร อายุ 34 ปี ที่หายตัวออกจากบ้านพัก ช่วง 10.00 น. วันที่ 21 มิถุนายน โดยจุดที่พบศพอยู่ห่างจากบ้านพักแม่ผู้เสียชีวิตประมาณ 7 กิโลเมตร บริเวณโดยรอบเป็นป่ารกและมีทุ่งนาเป็นบางจุด ไม่ค่อยมีบ้านเรือนของชาวบ้านพักอาศัยใกล้จุดเกิดเหตุ

โดยจุดที่พบศพนายว่ารถถูกเผาทั้งเป็นพร้อมกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต พบคราบเขม่าจากการเผาไม่เป็นบริเวณกว้างรวมทั้งต้นขนุนที่อยู่จุดเกิดเหตุก็ถูกเผาไปด้วย ส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายเหลือแต่โครงรถ ซึ่งทางตำรวจได้นำศพผู้เสียชีวิตส่งตรวจอัตลักษณ์บุคคลแล้วเพื่อตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

 


ทีมข่าวได้สอบถามนางก้อย (นามสมมติ) อายุ 55 ปี คนเห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตนเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกับนายวรุฒ ซึ่งมีบ้านพักใกล้จุดเกิดเหตุห่างกันประมาณ 50 เมตร โดยวันที่ 21 มิถุนายน ที่นายวรุฒหายตัวออกจากบ้านพัก ช่วง 08.00 น. ป้าของนายวรุฒได้เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุเพื่อเก็บขนุนจากต้นขนุน เก็บได้แป๊บเดียวก็กลับบ้านพัก ต่อมา 10.00 น. แม่และพี่สาวของนายวรุฒบอกว่านายวรุฒหายตัวออกจากบ้านพัก แล้ว 11.00 น. ของวันเดียวกัน ชาวบ้านที่ทำนาและสวนอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุเห็นเพลิงลุกไหม้ท่วมต้นขนุนในจุดเกิดเหตุ แต่ไม่มีชาวบ้านคนไหนมาดู เพราะคิดว่าเจ้าของที่เผาขยะ ไฟลุกไหม้ประมาณ 30-60 นาที และมีเสียงระเบิดดังขึ้นจากจุดเกิดเหตุสองครั้ง สักพักไฟก็มอดลงเอง

จากนั้นวันนี้ (24 มิถุนายน) ช่วงประมาณ 09.00-10.00 น. ตนก็ได้ยินเสียงพี่สาวของนายวรุฒร้องตะโกนลั่นด้วยความตกใจเหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ช็อค สิ้นเสียงพี่สาวของนายวรุฒ ก็มาหาตนแล้วบอกว่าให้ตนรีบแจ้งตำรวจ ตนงงมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วสักพักตำรวจก็มาที่เกิดเหตุแล้วทราบว่า มีศพของนายวรุฒอยู่ใต้ต้นขนุน สภาพศพคล้ายคร่อมรถจักรยานยนต์ถูกเผาทั้งคนและรถจักรยานยนต์

ยืนยันว่าตนไม่เห็นรถแปลกๆหรือสิ่งผิดปกติในช่วงวันที่ 21-24 มิถุนายน มีเพียงแค่วันที่เห็นไฟลุกไหม้ มีเสียงคล้ายยางระเบิดดังออกมาจากจุดเกิดเหตุสองครั้งเท่านั้น


พ.ต.ท.กตตน์ ภูดวงจิตร สวญ.สภ.ดอนหว่าน ได้กล่าวว่า ในคดีนี้ ตนเองน่าจะมีประเด็นการสืบสวนไว้ 3 แนวทาง คือ 1 หนี้พนัน 2 ชู้สาว 3 ฆ่าตัวตาย หรือไม่เพราะทำไมถึงมาเกิดเหตุที่นาของตนเอง ตอนนี้ได้ให้ชุดสืบสวน สภ.ดอนหว่าน ได้ลงพื้นที่หาข่าวและได้ร่วมกับทางชุดสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม ที่ทางญาติได้ไปแจ้งความและได้เอาภาพของคนที่ไปทวงหนี้ที่บ้านแฟนของผู้ตายที่บ้านในตัวเมือง และต้องรอผลการชันสูตรว่าการตายนั้นเกิดจากสาเหตุใด ตายก่อนโดนเผาหรือไม่ด้วย

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพักแม่ผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ในบ้านหนองอีดำ ต.หนองโน อ.เมือง จ.มหาสารคาม ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 7 กิโลเมตร ปรากฏว่าเมื่อเดินทางไปถึงบริเวณหน้าบ้านพัก พบเพื่อนของผู้เสียชีวิตอยู่ในบ้านพักประมาณ 3-4 คน และมีรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์จอดอยู่ในบ้านพัก 1 คันจากการสอบถามเพื่อนเสียชีวิตบอกว่า ทั้งแม่และพี่สาวผู้เสียชีวิตถูกสอบปากคำที่โรงพัก มีเพียงเพื่อนผู้เสียชีวิตที่ทราบข่าวและมาที่บ้านพักของแม่ผู้เสียชีวิตเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีกับทางญาตินายวรุฒ โดยไม่อนุญาตให้ทีมข่าวบันทึกภาพและไม่ขอให้ข้อมูล ส่วนตัวไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 


ต่อมาเราเดินทางมาที่ร้านอาหารเกาหลีซึ่งนายวรุฒและภรรยาเป็นเจ้าของร้าน ในอ.เมือง จ.มหาสารคาม แต่เมื่อมาถึงพบว่าปิดกิจการไปแล้ว ซึ่งร้านแห่งนี้ทั้งสองเปิดร้านเมื่อประมาณช่วงสงกรานต์ปี 2565


โดย Facebook ส่วนตัวของนายวรุฒยังเคยโพสต์ภาพและข้อความเกี่ยวกับกิจการของร้านตนเอง ซึ่งมีการทำบุญเสริมสิริมงคลร้านเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา

 

ทวง 7 แสน ก่อนเป็นศพถูกเผา