อีกหนึ่งคดีที่ถูกเชื่อมโยงกับ น.ส.แอม คือ คดีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.หญิง นิภา หรือปู แสนจันทร์ สว.ฝ.6 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วูบคาเก้าอี้ หน้าองค์พระปฐมเจดีย์ เมื่อ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา

ทีมข่าวช่อง 8 เผยภาพวงจรปิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 ที่องค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม พบว่า พ.ต.ต. หญิง นิภา แสนจันทร์ หรือ สารวัตรปู หนึ่งในผู้เสียชีวิตที่น่าสงสัย จากภาพวงจรปิดจะเห็นสารวัตรปูเดินมาด้วยอาการปกติ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้สีแดงบริเวณด้านหน้าวัด จากนั้นก็มีหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งข้างๆ คือนางสาวแอม หลังจากนั้นไม่นาน สารวัตรปูก็วูบเป็นลมตกลงจากเก้าอี้ ทุกคนก็เข้ามาช่วยเหลือ แต่ไม่ปรากฏตัวนางสาวแอมในช่วงที่มีการช่วยเหลือ กระทั่งส่งสารวัตรปูไปยังโรงพยาบาลนครปฐม และเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน

คุณมน นฤพล อาจหาญ ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปยังบริเวณจุดเกิดเหตุคือ หน้าองค์พระปฐมเจดี จังหวัดนครปฐม จุดที่สารวัตรปูเสียชีวิต คือ บริเวณเก้าอี้สีแดง พบนายธีระชัย ศรีราชา อายุ 49 ปี คนที่ทำงานอยู่ในวัด บอกว่า คนในวงจรปิดที่ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดตรงที่สารวัตรปูเป็นลมคือตัวเขาเอง ตอนนั้นคิดว่าแค่เป็นลมตามปกติ จึงพยายามบอกทุกคนว่า อย่ากเข้าไปมุง ให้ออกมา แต่ก็ตั้งข้อสงสัยว่า คนที่เป็นลมคนนี้ ทำไมมาคนเดียว ไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย พอมาทราบทีหลังก็เห็นกล้องวงจรปิดก็ตกใจว่า ทำไมเพื่อนที่มาด้วยจึงเดินหนี

คุณมน ได้ติดต่อหาญาติของสารวัตรปู ซึ่งเป็นน้องสาวชื่อปลา ให้ข้อมูลว่า ตอนแรกรู้แค่พี่สาวหมดสติเสียชีวิตที่องค์พระปฐมเจดีย์ โดยมีกู้ภัยนำศพส่งโรงพยาบาล ต่อมาจึงพยายามหาเบาะแส จนไปพบว่าวันเกิดเหตุ พี่สาวไปไหว้พระกับเพื่อน ซึ่งต่อมาทราบว่าคือนางสาวแอม และจากข้อมูลพบว่าสารวัตรปูและนางสาวแอมมีการติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 28-31 มีนาคม จากนั้นสารวัตรปูไปเบิกเงิน 140,000 บาท

เช้าวันที่ 1 เมษายน นางสาวแอม โทรเข้ามาช่วง 7 โมงเช้า 3 สาย จากนั้น 7.40 น. สารวัตรปูโทรกลับแล้วออกจากบ้าน 08.20 น. ตอนนั้นยังโทรกลับมาบอกแม่ว่าอยู่ที่องค์พระปฐมเจดีย์ กำลังจะซื้อดอกไม้ไหว้พระ แต่มีชาวบ้านเห็นว่าไม่ทันได้ไหว้ สารวัตรปูก็อาเจียน ชักเกร็งและหมดสติ แพทย์ระบุว่าหัวใจล้มเหลว ส่วนนางสาวแอม หายไปพร้อมกับเงิน 140,000 บาท ซึ่งทางครอบครัวก็คาใจ เพราะปกติเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว จู่ๆ มาเสียชีวิต และสงสัยมานานแต่ไม่มีหลักฐานในการดำเนินคดี

รายงานข่าวการสืบสวน พบว่า วันที่ 31 มี.ค. สารวัตรปูไปเบิกเงินจากธนาคารมา 140,000 บาท และวันที่ 1 เม.ย. เป็นวันที่สารวัตรปูเสียชีวิต แล้วเงิน 140,000 บาทกับเงินที่มีติดตัว 10,000 บาทก็หายไป ค้นที่บ้านและในรถก็ไม่เจอ ขณะนี้รอผลการชันสูตรจากแพทย์ถึงการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

โดยสารวัตรปู ถือเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 7 ซึ่งมีนางสาวแอมอยู่ด้วยขณะเกิดเหตุ 

ส่วนรายที่ 8 คือ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย ซึ่งมีอาการวูบและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่ท่าน้ำบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งสอดรับกับภาพวงจรปิดที่เห็น คือรู้จักกันในวงแชร์ พากันไปทำบุญปล่อยปลา เมื่อวูบแล้วแอมก็เดินหายไป

ภายหลังจากที่ตำรวจจับกุมตัวนางสาวแอม ญาติของผู้เสียชีวิตจึงทยอยเดินเข้าให้ปากคำกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สโมสรตำรวจ ซึ่งมีนายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานในคดีการเสียชีวิต ได้เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจด้วย

น.ส.กิ๊ก (นามสมมติ) พี่สาวของก้อย บอกว่า มั่นใจว่าการเสียชีวิตของก้อยน่าจะเชื่อมโยงกับ น.ส.แอม เพราะมีการยืมเงินเล่นแชร์กันมาก่อน ส่วนผลประโยชน์หลักๆ น.ส.แอม เคยยืมเงินก้อยไป 50,000 บาท ไม่มั่นใจว่าคืนกันไปหรือยัง โดยมองว่า เรื่องยืมเงินแล้วทำแบบนี้จนคนตาย มันผิดมนุษย์เกินไป

ขณะที่วันนี้ พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ยืนยันว่า ตำรวจกองปราบได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว และได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รับผิดชอบคดี และให้มีการขยายผลไปยังคดีที่เกี่ยวเนื่องกับในอดีตด้วย

ทีมข่าวสอบถาม นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือหมอหมู อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้ข้อมูลว่า “UN1680” คือรหัสที่ระบุว่า เป็น สารโพแทสเซียมไซยาไนด์ชนิดผลึกแข็ง (POTASSIUM CYANIDE, SOLID) เป็นตัวยาที่มีการพูดถึงตามที่ปรากฏเป็นข่าว โดยสารไซยาไนด์มีฤทธิ์อันตรายมาก แม้ใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยก็มีอันตรายถึงชีวิต ทำให้ตายภายใน 1 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับ โดยผู้ตายจะมีอาการอ่อนแรง ปวดท้อง เวียนหัว หมดสติ แล้วเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน โดยผู้ตายจะมีลักษณะปากเขียว หน้าเขียว หรือเล็บเขียว หรือร่างกายมีสีชมพูมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ต้องนำชนิดตัวอย่างไปตรวจเทียบกับศพที่มีการส่งชันสูตรอีกครั้ง หากศพยังไม่ได้เผา

ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านใน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ลักษณะเป็นทาวน์โฮมหลายหลังปลูกต่อกัน ที่ชาวบ้านระบุว่าเป็นบ้านของ น.ส.แอม แต่ไม่มีคนอยู่ ลักษณะคล้ายบ้านร้าง สอบถามชาวบ้านละแวกนั้นบอกว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่มีคนอยู่นานแล้ว นาน ๆ ครั้งถึงจะมีพ่อของ น.ส.แอม มาตรวจดูบ้าน