เสร็จสิ้นภารกิจ! หลวงตาบุญชื่น เดินธุดงค์เท้าเปล่า ถึง จ.นครพนม แล้ว

เมื่อวันที่ 18 เม.ย 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาที่บริเวณที่พักสงฆ์กลางทุ่งบ้านเสาเล้าใหญ่ ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม หลังทราบข่าวการเสร็จสิ้นภารกิจธุดงค์ของหลวงตาบุญชื่น จึงได้ขอกราบนมัสการ เพื่อสัมภาษณ์จากการเสร็จสิ้นธุดงค์ที่ผ่านมา สำหรับที่พักสงฆ์กลางทุ่งของหลวงตาบุญชื่น พบว่าถูกสร้างเป็นอาคารเล็ก ๆ 2 หลัง โดยอาคารหลังแรกขนาดพื้นที่ กว้างประมาณ 10 เมตร ยาว 18 เมตร หลังคามุงด้วย แผ่นอลูซิ้งค์ สร้างขึ้นโดยบรรดาเหล่าศิษย์ยานุศิษย์เพื่อใช้เป็นพื้นที่ฟังเทศน์ฟังธรรมและทำวัตร มีแสงสว่างจากไฟฟ้าของแผงโซล่าเซลล์ ส่วนอีกหลังหนึ่งเป็นกุฏิของหลวงตา

คุณแม่นาง อุ่นเทียมโสม อายุ 58 ปี ชาวบ้านหนองบัวแดง ต.นาหัวบ่อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เปิดเผยว่าตน กับสามี ปรวรนาเป็นโยมอุปฐาก หลวงตาเคยตามธุดงค์ไปกับหลวงตาพร้อมด้วย นายสุริยา สามี เป็นเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา แต่เดิมหลวงตาไม่ต้องการให้สถานที่พักสงฆ์แห่งนี้ มีไฟฟ้าและแสงสว่างในขณะปฏิบัติธรรมด้วยเกรงว่าจะมีมดแมลงบินเข้ามาและเกิดอันตรายต่อผู้ที่มาปฏิบัติธรรมรวมถึงแมลงที่บินมาด้วย แต่ด้วยโยมที่มาปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่งเป็นผู้สูงอายุ ต้องพบกับอุปสรรคจากการอ่านหนังสือสวดมนต์และเดินเหินเข้าห้องน้ำ อาจประสบต่ออุบัติเหตุได้ง่าย จึงได้อนุโลมให้ตามสมควรที่จำเป็นจริง ๆ

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังพบเพิงเล็ก ๆ มีเพียงเตียงไม้เตี้ย ๆ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ มีเพียงผ้าสบงเก่าๆ พาดตากอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น ซึ่งเป็นกุฏิจำวัดของหลวงตาบุญชื่น ทำให้เห็นถึงความเป็นพระสุปฏิปันโนของหลวงตาบุญชื่นอย่างแท้จริง

นายสุริยา หรือ "ก้อง" อุ่นเทียมโสม ศิษย์ก้นกุฏิหลวงตาบุญชื่น วัย 61 ปี กล่าวว่าแต่เดิมหลวงตาได้กล่าวสมาทานธุดงค์ก่อนที่จะร่วม ธรรมะยาตรากับหลวงพ่อจรัล หรือพระธรรมสิงหบุราจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณรในขณะนั้นกว่า 600 รูป

สำหรับเหตุที่หลวงตาบุญชื่น เลือกวิธีเจริญภาวนาด้วยการธุดงค์นั้น เพราะขณะที่ท่านมาบวชก็ มีอายุมากแล้ว ครั้นจะเข้าไปศึกษาพระธรรมจากโรงเรียนปริยัติธรรมก็เกรงว่าจะเป็นภาระและอุปสรรคต่อพระอาจารย์ อีกอย่างตนเองที่ผ่านมาก็เป็นคนที่เรียนหนังสือหัวไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร เกรงจะเป็นภาระคนอื่น

สำหรับโครงการ หรือแผนเดินธุดงค์ครั้งถัดไปจะมีเริ่มอีกครั้งเมื่อไรนั้น? หลวงตาบุญชื่นท่านได้กล่าวว่า "เรื่องแบบนี้จะบอกก่อนกันไม่ได้หรอก เราต้องมองที่สังขารว่ามีความพร้อมเพียงใด" ขณะเดียวกันพบว่าขณะนี้ หลวงตามีอาการอาพาธจากกระดูกยุบบริเวณต้นคอ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางแพทย์ได้เคยตรวจมวลกระดูกเบื้องต้นพบว่ามีความหนาแน่นราวกับคนอายุ 50 ปี ทั้งที่อายุหลวงตาขณะนี้ 70 ปีแล้ว แต่ด้วยการเดินธุดงค์อย่างต่อเนื่องจนไม่มีเวลาพักผ่อน ทำให้ข้อกระดูกบริเวณต้นคออักเสบ ซึ่งต่อจากนี้หลังเสร็จสิ้นภารกิจธุดงค์แล้ว ทางทีมแพทย์ของ รพ.โพนสวรรค์ก็จะนิมนต์หลวงตาทำการเข้าบำบัดและรักษาอาการดังกล่าวให้กับหลวงตาบุญชื่นต่อไป