ผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านตำบลบางคลาน ยื่นหนังสือให้ "บิ๊กโจ๊ก" ขอความเป็นธรรม ระบุถูกฝ่ายเจ้าอาวาสใช้กฎหมายกลั่นแกล้งจนชาวบ้านโดนคดีนับร้อยราย

วันที่ 17 เม.ย. 2566 ที่ สภ.โพทะเล อ.โพทะเล จ.พิจิตร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางไปติดตามความคืบหน้ากรณีมีการก่อเหตุวุ่นวายและมีการทำร้ายร่างกายกัน ทำให้ตำรวจออกหมายจับผู้ก่อเหตุและตามจับกุมได้ 9 ราย เหตุเกิดเมื่อ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา โดย รอง ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวน มี พล.ต.ต.กำธร จันที ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร และพนักงานสอบสวน รายงานความคืบหน้า

หลังจากนั้น นางสาวสุภา อยู่ยืด แกนนำองค์กรชุมชนรักวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน พร้อมผู้นำท้องถิ่นที่ต่อต้านการแต่งตั้งพระครูวิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน ได้นำหนังสือขอความเป็นธรรม ยื่นกับ รอง ผบ.ตร.กรณีที่กลุ่มชาวบ้านถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมจากเจ้าอาวาส จนถูกดำเนินคดีนับร้อยราย และเบื้องหลังความเป็นมาของความขัดแย้งภายในวัดบางคลานตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา

ภายหลังประชุมแล้วเสร็จ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปัญหาที่สั่งสมมานานของวัดบางคาน ตลอด 8 ปี ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย และมีการฟ้องร้องรวมถึงมีคำสั่งบังคับคดี และยังติดปัญหาอยู่ตรงที่กุฏิเจ้าอาวาสเพียงจุดเดียว จึงได้มีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ข้อสรุปว่า อันดับแรกจะต้องสร้างความมั่นใจให้แก่กัน โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินของวัดที่มีจำนวนมาก ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมา และนำเรื่องนี้นำเรียนเจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เนื่องจากจำเป็นที่จะต้องบังคับคดีตามที่ศาลฎีกาสั่ง ดังนั้นการจะส่งมอบทรัพย์สินจะต้องมีคณะกรรมการที่น่าเชื่อถือ และชาวบ้านไว้ใจซึ่งกันและกัน เมื่อมีคณะกรรมการกลางส่งมอบทรัพย์สินแล้ว จะต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไป รวมถึงทรัพย์สินที่ได้มาใหม่ อยู่ครบไหมหรือในขณะที่เจ้าอาวาสรักษาการ มีทรัพย์สินอย่างใดบ้าง โดยการตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมา จะประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงตำรวจในพื้นที่

ขณะเดียวกัน ย้ำว่าเมื่อมีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสใหม่ จำเป็นจะต้องมีการส่งมอบทรัพย์สิน ดังนั้นเมื่อทรัพย์สินหายไปก็จะต้องตรวจสอบ ขอให้มั่นใจตนเองทำอย่างตรงไปตรงมาและการเดินทางมาในวันนี้ก็จะนำเรื่องนี้กราบเรียนพระชั้นผู้ใหญ่ที่กรุงเทพมหานครด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เสร็จสิ้น เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวจังหวัดพิจิตรไม่มีใครเดินทางมา ดังนั้นประชาชนในพื้นที่ก็ต้องให้ความร่วมมือ โดยนึกถึงหลักการแก้ปัญหาง่ายๆ ก็คือให้ผู้ใหญ่ลงมาแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งสองฝ่าย จึงขอให้ชาวบ้านใจเย็นๆ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะมีการตรวจสอบทรัพย์สินทั้งเก่าและใหม่ทั้งหมด ซึ่งทรัพย์สินของวัดจะต้องตรวจสอบใครเอาไปใช้จะต้องวิบัติและถูกดำเนินคดีอาญา