ตำรวจเมืองฉะเชิงเทรา แจ้งข้อหาสะใภ้เพิ่ม-หลักฐานมัดตัวเอี่ยวกักขังเฮียโตถ่ายโอนมรดกเกือบ100ล้านบาท ด้านเฮียโต เดินหน้าฟ้องแพ่งและอาญา

จากกรณีเฮียโต อายุ 67 ปี เจ้าของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ใน อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา แจ้งความตำรวจ ให้ดำเนินคดีกับ ลูกชายและลูกสะใภ้ รวมถึงครอบครัวสะใภ้ อ้างว่าถูกกักขังวางยาสลบหมูมานานกว่า 2 ปี และจัดฉากร้องต่อศาลให้เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ก่อนตั้งตัวเป็นผู้จัดการมรดกยักย้ายทรัพย์สินพ่อกว่า 65 ล้านบาท และของแม่อีก 30 ล้านบาท กระทั่งหนีออกมาได้

โดยเมื่อ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ลูกชาย รวมทั้งสะใภ้ และครอบครัวสะใภ้ เข้ารับทราบข้อหากักขังหน่วยเหนี่ยว ที่สภ.เมืองฉะเชิงเทรา โดยหลักฐานยังไม่สามารถเอาผิดสะใภ้ได้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สอบพยานเพิ่มเติม โดยมีข้อมูลเชื่อมโยงถึงสะใภ้ร่วมกระทำความผิด พนักงานสอบสวน จึงแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 คน ทำให้ขณะนี้มีผู้ถูกแจ้งข้อหารวมทั้งสิ้น 4 ราย ประกอบด้วย ลูกชาย ลูกสะใภ้ และ พ่อแม่ของลูกสะใภ้ ซึ่งทั้ง 4 ราย ได้ขอยื่นประกันตัวไปเพื่อต่อสู้คดี

วันนี้ ( 8 มี.ค.66 ) เวลา 18.30 น. พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทราได้กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีโดยได้เชิญเฮียโต พร้อมทนายและญาติ เข้ามาเพื่อแจ้งความคืบหน้าทางคดีในส่วนข้อสงสัยของเฮียโต 2 ประเด็นหลัก 1. ในเรื่องของการถูกวางยาสลบหมู ได้อธิบายผลทางการแพทย์ ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เฮียโตนั้นได้ถูกสารพิษซึ่งเรื่องนี้ มีองค์ประกอบจากระยะเวลาที่เกิดเหตุมีระยะเวลาที่นานและในปัจจุบันไม่สามารถตรวจและยันยันได้ว่า เฮียโตได้รับสารพิษ

ประเด็นที่ 2 การเสียชีวิตของภรรยาเฮียโต ทางนิติเวชและนิติวิทยาศาสตร์ มีผลตรวจหลักฐานพยานเพียงพอว่า การเสียชีวิตของภรรยาเฮียโตนั้น กระทำด้วยตนเองหรือการฆ่าตัวตาย

"สำหรับวันนี้ที่ได้เชิญมาเพื่อชี้แจงให้ทางเฮียโตและญาติทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะพิสูจน์ความผิดนี้พร้อมทั้งแจ้งความคืบหน้าทางคดีจากการสอบสวนนั้นทราบว่า ขณะที่เฮียโตถูกหน่วงแหนี่ยวกักขังนั้นได้มีการกระทำการบางอย่างเกี่ยวกับทรัพย์ของเฮียโต ซึ่งเป็นข้อกฎหมายที่เข้าลักษณะความผิดที่เพิ่มขึ้น ได้มีการเพิ่มโทษจากศาลแขวงเป็นศาลอาญา" พล.ต.ต.นเรวิช กล่าว

พล.ต.ต.นเรวิช กล่าวต่อว่า ขณะนี้เท่าที่พนักงานสอบสวนมีพยานและหลักฐานและรวบรวมพยานหลักฐาน ยืนยันความผิดนั้น พบว่ามี 4 ราย คือลูกชาย ลูกสะใภ้ และพ่อตาแม่ยาย ส่วนอีก 2 ราย ซึ่งเป็นลูกของพ่อตามแม่ยายนั้น พยานหลักฐานในเบื้องต้นยังไม่ถึง และทั้งนี้ยังได้ตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเป็น ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น

ขณะที่เฮียโต กล่าวว่าตนได้ไปตรวจร่างกายมาเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว สบายดีไม่เป็นอะไร ส่วนทางด้านคดีทางแพ่ง เมือวันที่ 2 มีนาคม 66 กำหนดนัดไกล่เกลี่ยที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งทางเฮียโตพร้อมด้วยทนาย ได้เดินทางไปยังศาลตามนัดแต่ทางลูกชายเฮียโตไม่มีใครมา สำหรับช่วงเดือนเมษายนนี้จะมีการนัดไกล่เกลี่ยที่ศาลฉะเชิงเทรา ในคดีอาญา อีกรอบ

"ในเบื้องต้นตนอยากให้ลูกชายออกมาสารภาพผิดสิ่งที่ได้กระทำไปจะได้ไขข้อข้องใจ ญาติพี่น้องเขาติดตามอยู่ ซึ่งตนก็พยายามที่จะทำคดีให้มันกระจ่าง แต่ทางลูกชายไม่ยอมออกมาและคิดที่จะสู้มาโดยตลอด คิดจะเอาชนะพ่อให้ได้โดยไม่ยอมมาไกล่เกลี่ยตามที่ศาลนัด ทั้งนี้ยังหล่าวอีกว่าเงินทองขอก็ไม่ให้ตนสักบาท ทุกวันนี้ได้แต่ยืมพี่น้องของตนมาใช้จ่าย" เฮียโต กล่าว