แม่เผยลูกสาวถูกเพื่อนร่วมชั้นบูลลี่ เขียนโต๊ะเรียนด่า ทำลายข้าวของ จนป่วยซึมเศร้าไม่อยากไปโรงเรียน วอนทางโรงเรียนอย่าปล่อยผ่าน ช่วยหาทางออก

วันที่ 19 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ น.ส.ศิริรัตน์ อายุ 36 ปี ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง หลังมีเพจดังโพสต์ข้อความว่า เด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.ระยอง ได้ถูกเพื่อนบูลลี่ ทำลายข้าวของ กรีดสมุด เขียนคำต่อว่า จนทำให้เด็กนักเรียนคนดังกล่าวป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

น.ส.ศิริรัตน์ เปิดเผยว่า ลูกสาวของตน อายุ 13 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เมืองระยอง ตนเองเพิ่งมาทราบเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยทางโรงเรียนแจ้งว่า ลูกสาวป่วยได้ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ระยอง แล้ว ตนเองจึงรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาล พบว่า ลูกสาวเงียบไม่ยอมพูดกับใคร แล้วยังออกอาการอาละวาดขว้างปาสิ่งของ จนต้องเรียกพยาบาลมาช่วย อาการจึงเริ่มสงบ

วันรุ่งขึ้น (17 ก.พ.) จึงหยุดเรียน ตนเองจึงเดินทางไปโรงเรียน นำกระเป๋าเรียนที่ลูฏสาวลืมไว้ พอเห็นกระเป๋าก็ถึงกับงง เพราะมีหมึกปากกาเลอะเทอะเต็มกระเป๋า สมุดถูกกรีดจนขาด แล้วยังมีการเขียนข้อความด่าอย่างรุนแรง จึงเข้าพบกับครูเพื่อให้ทราบเรื่อง ซึ่งครูก็ชี้แจงและลงโทษเด็กที่ลงมือทุกคน ซึ่งตนคิดว่าถูกตีก็เท่านั้นเพราะก็ไม่ได้แก้ไขอะไร เพราะทระย์สินเสียหายและสภาพจิตใจลูกสาวก็แย่มาก ตนก็ไม่ได้คุยมาก เพราะตนจะต้องรีบกลับไปพบจิตแพทย์เรื่องอาการของลูกสาว และผลใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลระยองออกมาว่า ลูกสาว “มีความผิดปกติแบบโรคจิตเภทกึ่งอารมณ์แปรปรวนชนิดซึมเศร้า” จึงรับยามารับประทานเพื่อรักษา

ซึ่งก่อนหน้าจะเกิดเหตุ แม่ก็นัดเคลียร์ใจกับเพื่อนๆ ของลูก ถามว่าเกลียดลูกแม่ตรงไหน ลูกแม่ไปทำอะไรให้ ทางเพื่อนๆ ก็บอกว่า ลูกสาวโกหกเรื่องการสร้างตัวตน ซึ่งก็ถามลูกสาวต่อหน้าเพื่อนๆ ลูกสาวก็บอกว่า จริง โกหกไปเพราะว่าต้องการให้เพื่อนๆ ยอมรับในตัวเอง ซึ่งแม่ก็ให้ลูกสาวขอโทษเพื่อนๆ และก็บอกกับลูกว่าเราต้องอยู่กับความจริง ทำแบบนี้ไม่ถูก หลังจากนั้นแม่ก็คิดว่าทุกอย่างจบแล้ว แต่ก็ไม่จบ จนมาเจอปัญหาแบบนี้คือกรีดสมุดและบูลลี่

คุณแม่ก็เสียใจมาก ต้องการให้บุตรสาวหายจากซึมเศร้า และต้องการให้ทางโรงเรียนช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว อย่าปล่อยผ่านเพราะนี่มันเป็นเรื่องของผลกระทบต่อจิตใจเด็ก และเพื่อหาทางออก ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายกับบุตรสาวของตนเอง และหลังน้องเรียนจบ ม.1 คิดว่าจะย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดที่ภาคเหนือเพื่อแก้ปัญหานี้

ด้านลูกสาว อายุ 13 ปี บอกว่า ตนถูกแกล้งหนักมาก เอาน้ำสาดใส่ตอนอยู่ในห้องน้ำ แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร และยังเขียนข้อความด่าบนโต๊ะ หนักสุดก็กรีดสมุด แล้วก็บีบหมึกปากกาทิ้ง ส่วนครูประจำชั้นก็ฝากตนมาบอกแม่ว่า ให้มาเขียนใบลาออกได้แล้ว

ล่าสุด แม่ได้ติดต่อกับทาง ผอ.ของโรงเรียนแล้ว ซึ่ง ผอ.เพิ่งจะทราบเรื่องจากแม่ และจะเรียกครูประจำชั้นมาสอบถามต้นสายปลายเหตุเรื่องดังกล่าว และหาทางแก้ร่วมกัน