ชาวบ้านกว่า 200 คนบุกพบเจ้าคณะจังหวัด วอนอย่าสึก "ครูบาไก่ " จวกคนวิจารณ์อย่าทำลายศรัทธา พร้อมฝากถึง "แพรรี่ " ให้หยุดพูด

ชาวบ้านกว่า 200 คน รวมตัวเข้าพบเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นขอนแก่น ระบายความในใจวอนอย่าจับสึกครูบาไก่ กรณีขุดพระยืนยันไม่ได้อวดอุตริ อย่าทำลายความศรัทธาของชาวบ้าน ถ้าจะทำขอให้ยุติธรรมบนขั้นตอน พร้อมฝากถึงแพรรี่ ไพรวัลย์ ให้หยุดพูด ไม่รู้ความจริงแต่ยิบข้อมูลใส่ร้ายมากดดันพระผู้ใหญ่ ท้าให้ลงพื้นที่พิสูจน์ จะต้อนรับอย่างดีด้วยความเป็นมิตรไมตรี

 

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 ที่วัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอมัญจาคีรีและอำเภอโคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่นกว่า 200 คน  มาพบเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น เพื่อขอความเป็นธรรมให้ครูบาไก่ หรือพระครูสุวิทย์ ชินวโร อายุ 30 ปี ประธานพักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวารามหรือวัดป่าปฐมเทวาราม บ้านป่าผุ ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น  แต่เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น รับกิจนิมนต์ไปต่างจังหวัด  จึงไม่ได้พบ ชาวบ้านจึงรวมตัวกันอยู่ที่วัดประมาณ 3 ชั่วโมง จึงเดินทางออกจากวัด

 

ซึ่งชาวบ้านต่างที่เดินทาวมาพบเจเคณะจังหวัดในครั้วนี้ ต่างยืนยันว่า ต่างคนต่างมา แต่มีความเห็นตรงกันว่า หลังจากมีคนออกข่าวข่าวทางโซเชียลและรายการทีวีว่า ครูบาไก่ อวดอุตริ และว่าพระพุทธรูป หรือวัตถุโบราณที่ครูบาไก่ขุดขึ้นมานั้น เกิดจากการอวดอุตริและไม่ใช่พระพุทธรูป หรือวัตถุโบราณที่เป็นของแท้ ทั้งหมดเป็นของปลอม เรียกร้องให้พระสงฆ์ที่เป็นพระผู้ใหญ่ในจังหวัดขอนแก่น ทำการสึกครูบาไก่  จำเป็นต้องเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมจากเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น

 

นางบุญกว้าง เหล่าคิ้ม อายุ 48 ปี ชาวบ้านมูลนาก ม.10 ต.โพธิ์ไชย อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น  หนึ่งในชาวบ้านที่เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมให้ครูบาไก่ครั้งนี้ กล่าวว่า  ได้ติดตามครูบาไก่มาสิบปีกว่า ตั้งแต่บวชเณร จนถึงปัจจุบัน เห็นมาตลอดว่า ครูบาไก่ประพฤติดี กระทั่งมีอิคคิวกับบุ๋มเข้ามาอยู่ที่วัด ปัญหาทุกอย่างจึงเกิดขึ้น และทำลายครูบาไก่ จนเป็นเรื่องราวขยายความออกไป 

 

“คนที่วิจารณ์ และกล่าวหาครูบาไก่ คือคนที่ไม่เคยมาสัมผัสในพื้นที่ ไม่เคยมาทำบุญกับครูบาไก่  จึงไม่รู้ความจริง จนวิจารณ์ และกล่าวหาครูบาไก่ต่างๆนานา แล้วยังมาหาว่าคนขอนแก่นสมองน้อยนิด  ถ้าคุณเป็นคนที่รู้จริง รู้ทุกอย่าง ก็ขอให้ลงพื้นที่มาหาชาวบ้าน มาดูข้อเท็จจริงแล้วคุณจะรู้ว่าครูบาไก่นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา  ส่วนกรณีที่ครูบาไก่นั่งเจ็ตสกี ขี่บานาน่าโบ้ทนั้น ครูบาไก่ก็ยอมรับว่าไม่เหมาะสม และเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 ครูบาไก่เข้ากราบขอขมา รับผิดข้อวินัยอาบัติ เรื่องสรงน้ำในลำธาร และนั่งเรือ  ต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ พระผู้ปกครองคณะสงฆ์มัญจาคีรี  เพื่อให้ตักเตือนและกล่าวโทษตามข้อพระวินัย ไปเรียบร้อยแล้ว  ส่วนเรื่องอื่นๆครูบาไก่ไม่ได้ทำผิด ก็ถูกกล่าวโทษ จนเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ไม่ทำลายความเลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านได้  จึงขอให้คนที่กล่าวโทษครูบาไก่ ลงพื้นที่มาพบชาวบ้าน ชาวบ้านยินดีต้อนรับ”

 

ทางด้าน นางปียา คำหว่าน อายุ อายุ 55 ปี ชาวบ้านโนนเขวา ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ชาวบ้านที่นิมนต์ครูบาไก่ไปที่ทุ่งนาตัวเอง กล่าวว่า ทำนาในแปลงนาที่อยู่บ้านสว่าง ม.8 ต.สวนหม่อนมาครึ่งชีวิต รู้สึกแปลกใจว่า ทำไม ชาวบ้านรายอื่นๆมาทำมาหากินในที่นาตนไม่ได้ ก็เก็บความสงสัยในใจ แต่ไม่พูด กระทั่งปี 2560 ไปนอนที่ที่นาของตัวเอง เพื่อทำการเกษตร ก็มีลูกไฟสว่างจ้า ขึ้นมาจากเนินดินที่อยู่กลางทุ่งนา  ซึ่งเนินดินจุดนี้ ชาวบ้าน เรียกว่า เนินช้างตาย และเห็นลูกไฟลอยขึ้นมาติดต่อกันหลายคืน ก็เกิดคว่ามไม่สบายใจ จึงไปหาครูบาไก่ และนิมนต์ครูบาไก่ไปที่เนินดินกลางทุ่งนา  ครูบาไก่ก็บอกให้ชาวบ้านขุด โดยบอกว่า คนเฝ้าทรัพย์สินในจุดดังกล่าว อยากไปเกิด จึงส่องแสงให้เห็น ชาวบ้านนับร้อยคน ช่วยกันขุดดิน ลึกลงไปประมาณ 3 เมตรก็พบแผงพระสมเด็จ จำนวน 3 แผงรวม 48 องค์  จึงนำพระสมเด็จทั้งหมดไปถวายวัดโสรโย มาจนถึงปัจจุบัน

 

นางปียา  กล่าวอีกว่า  รู้สึกโกรธแพรรี่มาก ที่ดูถูกเหยียดหยามพระครูบาไก่ พระสงฆ์ที่ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา แล้วยังดูถูกคนขอนแก่น จึงอยากให้แพรี่มาดู มาให้รู้ มาให้เห็นในสิ่งที่ชาวบ้านศรัทธา ไม่ใช่แค่ตามข่าวและฟังคำบอกเล่าจากคนอื่นแล้วมาวิจารณ์เสียหายเช่นนี้  ชาวบ้านไม่ได้ท้าทาย แต่อยากให้คนที่ไม่เคยรู้จักพระครูบาไก่ มาดูความจริงว่าครูบาไก่เป็นอย่างที่ถูกวิจารณ์หรือไม่ และขอร้องให้ทุกคนหยุดใส่ร้ายพระครูบาไก่  ถ้าหยุดชาวบ้านจะให้อภัยทุกคน