ชูวิทย์บอก ลุงตู่ไม่รู้! หลานเอี่ยวรถทัวร์ตู้ห่าว เผยสาวไส้ทุนจีนสีเทาสำเร็จ 80% ท้า ส.ส.ฝ่ายค้าน-รัฐบาลซัดเรื่องจีนเทาในสภา พร้อมเผยอยากให้หลักฐาน ส.ส.คนไหนจัดหนักเรื่องนี้ในสภา

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจและอดีตนักการเมืองคนดัง เปิดเผย เป้าหมายจัดการทุนจีนเทาไปได้ 80% แล้ว โดยวันนี้เปิดหลายประเด็น ทั้งไทม์ไลน์เริ่มต้นแฉทุนจีนเทาตั้งแต่กรกฎาคม 2565 และภาพรวมขบวนการจินหลิง และพยานในคดีที่เหลืออยู่ รวมทั้งยังมีประเด็นที่เข้าไปพูดคุยกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายชูวิทย์เล่าว่า คุยกับนายกรัฐมนตรี 15 นาที ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีได้อธิบายความให้ฟังว่า องคาพยพของหน่วยงานรัฐมันใหญ่ และต้องมีขั้นมีตอน จึงทำให้มุมมองที่มีต่อนายกฯ เปลี่ยนไป กลายเป็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการเมืองต้องฟังเสียงประชาชน ซึ่งชูวิทย์ในฐานะประชาชนคนหนึ่งจึงอยากให้ช่วยจัดการเรื่องทุนจีนให้

ส่วนประเด็นที่ครอบครัวเกี่ยวกับรถทัวร์ของตู้ห่าวนั้น นายกฯ ตอบชูวิทย์ชัดๆ ว่า ขอเวลาหน่อยเพราะว่าไม่รู้ ไม่รู้เรื่องนี้ แต่ ผบ.ตร.รับลูกต่อไปสอบสวนเรื่องรถทัวร์ให้แล้ว ซึ่งชูวิทย์ก็พอใจในฐานะประชาชนที่เอาปัญหาไปให้ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ถ้านายกฯ จะเชื่อผม หรือเชื่อใคร ก็ไม่ทราบท่าทีตรงนี้

มีช่วงหนึ่งที่นายชูวิทย์ย้ำว่า ถ้านายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำองค์กรสูงสุดของประเทศไทย ยังจัดการเรื่องนี้ให้ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว

ขณะที่แถลงข่าววันนี้ นายชูวิทย์ขอท้าชนให้ ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล นำประเด็นทุนจีนสีเทาเข้าไปอภิปรายกันในสภา

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคไทยศรีวิไลย์จะเป็นพรรคแรกที่นำประเด็นทุนจีนสีเทาเข้าอภิปรายในสภา ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทของหลาน พล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับรถบัสหนีภาษี โดยจะขอหลักฐานเพิ่มเติมกับนายชูวิทย์ แต่ต้องรอดูว่านายชูวิทย์ จะให้หลักฐานเพิ่มเติมมากน้อยเพียงใด เนื่องจากนายชูวิทย์ เคยกล่าวไว้ว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

นายชูวิทย์ กล่าวว่า การที่นายมงคลกิตติ์ บอกว่าจะนำเรื่องทุนจีนสีเทาเข้าไปอภิปรายในสภานั้น ตนมองว่าเป็นการเรียกราคา นายมงคลกิตติ์ จะอภิปรายได้ถึง 5 นาทีหรือไม่ ตนมองว่าคนนี้ไม่ไหว การอภิปรายในสภาไม่ใช่เพียงแค่ลีลาอย่างเดียว แต่ต้องมีข้อมูลชัดเจน โดยข้อมูลที่ตนพูดตลอด 3 เดือนที่ผ่านมานี้ คนที่จะนำไปอภิปรายในสภาจะต้องมีความสามารถ ต้องย่อเนื้อหาให้ประชาชนเข้าใจได้ในเวลาจำกัด ให้เห็นว่าสิ่งนี้คือข้อบกพร่องของรัฐบาล ซึ่งหากนายมงคลกิตติ์ มาขอข้อมูลจากตน ตนไม่ให้ แต่หากเป็นพรรคก้าวไกลมาขอไปอภิปรายก็มองว่าน่าสนใจ โดยตนมองว่านายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ก็ไม่เลว น่าสนใจ เพราะน่าจะสามารถโยงใยข้อมูลเกี่ยวกับทุนจีนสีเทาของตนเองได้

สาเหตุที่มองว่านายรังสิมันต์ โรม เหมาะสมที่จะนำเรื่องทุนจีนสีเทาเข้าไปอภิปรายนั้น เพราะเขาเคยอภิปรายเรื่องตำรวจมาก่อน รวมทั้งพูดเรื่องตั๋วช้าง และเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งคิดว่าเป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ ส่วนหากเป็นคนรุ่นเก่าอย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยก็ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ตนจะอยากให้นำเรื่องนี้เข้าไปสู่การอภิปรายในสภา เพื่อให้ฝ่ายค้านทุกคนช่วยกัน เพราะหลังจากหมดประเด็นของนายตู้ห่าวแล้ว จะมีนายตู้อื่นๆ ตามมาอีกมากมาย หลังจากนี้ตนคิดว่าควรหาวิธีป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้อีก