"อนุทิน" ย้ำ ปลัด สธ.สอบปมไลน์หลุด หักหัวคิวค่าเสี่ยงภัยผู้ปฏิบัติงานแถบ รพ.อีสานใต้ เชื่อไม่มีใครกล้าทำในยุคสมัยนี้ "ถ้ามีก็คือคนขี้โกง" ชี้เงินค่าเสี่ยงภัยหักไม่ได้ เพราะโอนเข้าบัญชีตรงไม่ใช่ทิป แต่เป็นสิทธิ์ที่เขาต้องได้

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อความจากไลน์กรุ๊ปบุคลากรในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (อีสานใต้) โดยระบุถึงปัญหาการเบิกจ่ายเงินค่าเสี่ยงภัยผู้ปฏิบัติงานโควิด-19ว่า จากที่เป็นข่าวเมื่อวานนี้ ตนได้ขอให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้คนไปสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องพฤติกรรมผิดอยู่แล้ว ในทางราชการการเบิกเงินสดไม่มีอยู่แล้วก็ต้องดูว่ามีเหตุอะไร

เมื่อถามว่า ถ้าพบความผิดจะลงโทษอย่างเต็มที่ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็มีกฎระเบียบอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขจะมีคณะกรรมการของกระทรวงฯ ตรวจสอบ โดยมีตนทำหน้าที่เป็นประธาน และมีการประชุมร่วมกันเดือนละหนึ่งครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของวินัย และการดำเนินการกับข้าราชการและพนักงานของรัฐที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทุจริต ซึ่งมีอยู่ทุกวาระการประชุมสำคัญ

"ผมยืนยันว่าไม่มีเรื่องหัวคิว ถ้ามีก็คือคนขี้โกง เรื่องพวกนี้ในสมัยนี้ถ้า ถ้าลองขี้โกงเงินเดือน และค่าเสี่ยงภัยหักหัวคิวพยาบาล โอ้โห!!ออก เฟซบุ๊กกันมันระเบิดเลย ผมว่าไม่มีใครกล้าทำนะ หรือถ้าทำไปก็ไม่มีทางรอด"

เมื่อถามย้ำว่า แต่ในโซเชียลมีการเผยว่าเป็นการหักเงินสด นายอนุทิน กล่าวว่า หักไม่ได้ เพราะเงินพวกนี้เข้าบัญชีธนาคาร ถามว่าจะไปหักได้อย่างไร ไม่ใช่ก้อนนึงไปฝากไว้ก่อน แล้วซอยออกมาไปใส่ซองให้ เพราะค่าเสี่ยงภัยค่าตอบแทน ค่าเวรเหล่านี้ ชัดเจนว่าเป็นชื่อของใครบ้าง ซึ่งเขาก็มีเงินเดือนในฐานะเป็นข้าราชการพนักงานของรัฐ มีเลขบัญชีทุกอย่างเข้าไปตามระบบอยู่แล้ว มันไม่ใช่ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะเบิกมาแล้วไปฝากแพทย์หัวหน้าเวรแล้วนำไปแจกลูกน้อง นี่ไม่ใช่ค่าทิป แต่เป็นค่าที่เขาต้องได้ตามแบบที่เขามีอยู่ ขอให้ไม่ต้องห่วง หากทำผิดจริงก็ต้องมีการสอบสวน ถ้าเกิดเงินเข้าไปในบัญชีของแต่ละคนถูกต้อง ก็ไม่ต้องตั้งกรรมการสอบอะไร เราไม่รู้ว่าใครเป็นหนี้ใคร ถ้าเขาเอาไว้จ่ายกันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ตราบใดที่เงินเข้าบัญชี เจ้าตัวก็ไม่มีปัญหา

ส่วนที่หลายพื้นที่ออกมาระบุว่า ยังไม่ได้รับเบี้ยเสี่ยงภัยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้เพิ่งผ่าน ครม.ไปได้เมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็มีขั้นตอนเงินมาที่กระบวนการก็ต้องโอนเงินมาที่กระทรวงสาธารณสุข จากนั้นทางกระทรวงฯ ก็จะโอนไปในพื้นที่ ตนยืนยันว่าได้รับเงินแน่นอน และไม่มีขาดด้วย