หนุ่มจิตอาสาเจ็บใจ โอนเงินช่วยสาวหน้าตาดีที่รู้จักกันผ่านแอปฯ หาคู่ อ้างว่าแม่ตายไม่มีเงินนำศพออก และรีบขับรถไปช่วยรับศพ สุดท้ายไปถึง รพ. กลับไม่มีศพ และถูกส่งไลน์เย้ย ก่อนติดต่อไม่ได้อีก

 

วันที่ 17 ก.ค. 2565 นายชัยรัตน์ อายุ 34 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.แกลง จ.ระยอง และ สภ.เมืองจันทบุรี ว่าถูกผู้หญิงที่รู้จักกันทางแอปพลิเคชันหาคู่ หลอกให้โอนเงินช่วยเหลือค่าฉีดฟอร์มาลีนเพื่อนำศพแม่ออกจากโรงพยาบาล จนสูญเงินไป 2,700 บาท

นายชัยรัตน์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนเองได้รู้จักกับผู้หญิงในแอปฯ หาคู่ ก่อนจะคุยกันผ่านไลน์ โดยอีกฝ่ายใช้ชื่อว่า "อ้อ" มีรูปโปรไฟล์เป็นภาพของผู้หญิงสวยหน้าตาดี หลังพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง พออีกฝ่ายรู้ว่า ตนเองเป็นจิตอาสารับส่งศพผู้ยากไร้ ก็ได้โทรไลน์มาหาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า มารดาเสียชีวิตที่ รพ.กรุงเทพจันทบุรี แต่ไม่มีเงินนำศพกลับไปทำพิธีที่บ้านใน ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง พร้อมส่งบัตรประชาชนมารดา ชื่อ น.ส.รมย์เนตร อายุ 51 ปี มาให้ดู ตนเองจึงเชื่อสนิทใจ ด้วยความเป็นจิตอาสาอยู่แล้ว จึงเสนอตัวไปว่าจะช่วยไปรับศพให้เองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

หลังจากนั้น อ้อก็ได้ขอเบอร์โทรศัพท์แล้วโทรติดต่อเข้ามา ขณะกำลังขับรถกระบะส่วนตัวมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โดยอ้อบอกว่า ขาดเงินค่ารักษาจำนวน 800 บาท ต้องจ่ายเงินก่อนจะรับศพออกมา ตนเองจึงโอนเงินไปให้ทันที 1,000 บาท ผ่านไป 10 นาที อ้อก็โทรเข้ามาอีกว่าต้องใช้เงินเป็นค่าฉีดฟอร์มาลีนอีก 1,700 บาท ด้วยความเห็นใจจึงโอนไปให้อีก รวม โอนเงินไปทั้งหมด 2,700 บาท หลังจากนั้นก็รีบขับรถไป พอไปถึง รพ. จึงรีบเข้าไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ ปรากฏว่าไม่มีศพตามชื่อที่แจ้งมา พร้อมประสานไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงก็ไม่พบศพชื่อดังกล่าวเลย จึงรีบโทรติดต่ออ้อไป ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้จึงรีบส่งข้อความไปทางไลน์ ก็ได้คำตอบกลับมาในทำนองเยาะเย้ยจึงรู้ว่าถูกหลอก และรีบไปลงบันทึกประจำวันและแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน โดยตำรวจบอกว่า เกิดเหตุลักษณะเดียวกันกว่า 20 รายแล้ว

นายชัยรัตน์ เปิดเผยต่ออีกว่า รู้สึกเจ็บใจมาก ถูกหลอกแล้วยังถูกเยาะเย้ย นับเป็นความเลวร้ายที่นำเอาความตาย ความสงสารมาใช้หากินหลอกคนอื่นที่มีจิตที่ต้องการช่วยเหลือจริง ๆ โดยไม่ได้คิดหวังสิ่งใดตอบแทน ทำแบบนี้ต่อไปตนจะเชื่อใจใครได้อีก จึงต้องเข้าแจ้งความ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าตามหาตัวจริงยากก็ตาม และต้องการให้เป็นอุทาหรณ์ เตือนไม่ให้คนอื่นตกเป็นเหยื่ออีก สำหรับตนเองที่ตกเป็นเหยื่ออาจจะถูกเลือกและเป็นเป้าหมาย เพราะตนเองเคยเป็นข่าวกรณีที่ตนเองเป็นหลานชายของแม่ชี วัดโขดทิมทาราม ที่ถูกรางวัลที่หนึ่ง จำนวน 12 ล้านบาท เมื่องวดประจำวันที่ 1 มี.ค. 2565 จนเป็นข่าวดัง โดยแม่ชีได้มอบเงินให้จำนวนหนึ่ง คาดว่ามิจฉาชีพทราบเรื่องจึงพุ่งเป้ามาหลอกตนเอง