'กรมปศุสัตว์' ย้ำฝีหนองในเนื้อหมู เกิดจากการอักเสบ ไม่ใช่โรคติดต่อสู่คน หลังผู้บริโภค จ.หนองคาย เจอจัง ๆ แนะเช็กก่อนซื้อ ปรุงสุกทุกครั้ง

 

กรณีผู้บริโภค จ.หนองคาย เจอฝีหนองในเนื้อหมูที่ซื้อมาจากตลาดสดใน อ.ท่าบ่อ นั้น (อ่านประกอบ : เจออีกเเล้ว! ฝีหนองในหมู คราวนี้โผล่ตลาดสด อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย)
 
นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การเกิดฝีหนองในกล้ามเนื้อดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการป่วยเป็นโรคระบาด หากแต่เกิดจากการอักเสบ เนื่องจากการฉีดวัคซีนหรือยาเพื่อการรักษาให้แก่สุกร สาเหตุการอักเสบที่เป็นไปได้มีทั้งจากจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนเข้าไปในกล้ามเนื้อสุกรจากการแทงเข็มฉีดยาที่ไม่สะอาดหรือการอักเสบจากการตอบสนองของร่างกายสุกรบางตัวต่อยาหรือวัคซีนที่ฉีดนั้น ทำให้อักเสบและเกิดการสร้างฝีหุ้มไว้ ฝีหนองที่ฝังในกล้ามเนื้อจึงมิได้เกิดจากการป่วยเป็นโรคระบาดต่าง ๆ แต่ประการใด

อนึ่ง กรมปศุสัตว์และเครือข่ายพันธมิตรได้ป้องกันและเฝ้าระวังโรคระบาดอันตรายในสุกรมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าโรคระบาดนั้นจะเกิดเฉพาะในสุกรไม่ติดต่อสู่คนแต่อย่างใด แต่เพื่อสร้างมั่นใจให้กับผู้บริโภคขอยืนยันว่าไม่มีการนำสุกรที่ป่วยเป็นโรคเข้าผลิตส่งขายให้ผู้บริโภคแน่นอน

ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ขอเตือนผู้บริโภคว่า ถึงแม้โอกาสเจอฝีหนองจะไม่มากนัก แต่ขอให้ผู้บริโภค 'เช็กก่อนซื้อ' เนื้อสุกรทุกครั้ง โดยเลือกตั้งแต่สถานที่จำหน่ายไปจนถึงตัวเนื้อสุกร ในส่วนของสถานที่จำหน่ายขอให้มั่นใจในตราสัญลักษณ์ 'ปศุสัตว์ OK' ซึ่งได้รับรองจากกรมปศุสัตว์ว่าเนื้อสุกรที่จำหน่ายนั้น ผลิตจากระบบคุณภาพตลอดห่วงโซ่ มาจากฟาร์มมาตรฐาน GAP ที่มีสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มกำกับดูแล ผ่านโรงฆ่าสัตว์ที่มีพนักงานตรวจเนื้อสัตว์ตรวจสอบไม่ให้สุกรที่ป่วยเป็นโรคอันตรายหรือมีฝีหนองในร่างกายส่งไปสู่การจำหน่าย

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวอีกว่า ยังมีโอกาสส่วนน้อยที่อาจพบก้อนฝีฝังตัวในกล้ามเนื้อชั้นลึก ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบด้วยตาจากภายนอกได้ เช่น บริเวณสันคอที่ใช้เป็นตำแหน่งแทงเข็มโดยทั่วไป ต้องมีการตัดแต่งเป็นเนื้อชิ้นเล็กลงถึงจะพบเจอฝีที่เกิดในสุกรบางตัวได้ ซึ่งผู้บริโภคควรตรวจสอบก่อนซื้อทุกครั้ง หากรายใดซื้อเนื้อสุกรแล้วพบเจอฝี ให้ดำเนินการแจ้งผู้ขายหรือสถานที่จำหน่ายที่ซื้อเนื้อสุกรนั้นทันที เนื่องจากเป็นสิทธิของผู้บริโภคที่พึงกระทำได้และผู้จำหน่ายเนื้อดังกล่าวต้องเป็นผู้รับผิดชอบแก้ไขหรือชดเชยให้แก่ผู้บริโภคที่ซื้อไป เพราะเข้าข่ายการจำหน่าย 'อาหารไม่บริสุทธิ์' ตาม พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 ผู้จำหน่ายอาจระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และผู้บริโภคควรเน้นปรุงสุกก่อนรับประทานทุกครั้ง