'ศรีสุวรรณ' ยื่น ป.ป.ช.จี้สอบ 'เสรีพิศุทธ์' ผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ หลังศาลปค.สูงสุด ยกคำขอเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าที่ให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย
วันที่ 5 ส.ค.2564ที่สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริตเเห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องในคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าที่ให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย และการที่บริษัท IRPC ฮุบที่ดินของชาวบ้านที่ระยองไป 22 ไร่ เป็นการกระทำที่เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2551 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ปัจจุบันเป็น หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้กระทำการทิ้งหิน ดิน ล่วงล้ำลำน้ำแควน้อยเกินกว่าแนวเขตที่ดินของตน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ตาม ม.119 แห่ง พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย 2456 พร้อมกับมีการปลูกต้นไม้ทำเป็นสวนหย่อมและทำทางเท้าปูด้วยแผ่นหิน อันเป็นการปลูกสร้างสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปในน้ำ ซึ่งเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดิน ซึ่งกรมเจ้าท่าได้สั่งให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำในแม่น้ำแควน้อยออกไปภายใน 30 วันแล้วตาม ม.118 ทวิ ของกฎหมายข้างต้น แต่กลับฝ่าฝืนและนำความไปฟ้องศาล จนบัดนี้ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
การกระทำของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ซึ่งเป็น ส.ส.และ หน.พรรคการเมือง จึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลายข้อ อาทิ ข้อ 7 ข้อ 11 และข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง ซึ่งคล้ายกับกรณีของ ส.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงนำความมาร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และมีมติส่งเรื่องไปยังอัยการสั่งฟ้องไปยังศาลฎีกา และขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกันต่อไปด้วย
นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นยังมีกรณีของบริษัท IRPC ที่ได้ยึดถือ ครอบครองที่ดินของประชาชนกว่า 22 ไร่ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมของตนใน จ.ระยอง ทั้ง ๆ ที่สภาตำบลบ้านแลง อ.เมือง จ.ระยอง ได้มีมติแล้วว่าที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ที่สาธารณะและเป็นของชาวบ้านจริง จะต้องรังวัดแบ่งแยกออกมา แต่ IRPC กลับอ้างการครอบครองและอ้างโควิด-19 ไม่ยินยอมให้กรมที่ดินเข้าไปตรวจสอบเพื่อรังวัดสอบแนวเขต ตามคำบัญชาของนายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายโดยเร็ว แต่หน่วยงานต่าง ๆ ดังกล่าวกลับเพิกเฉย จึงอาจถือได้ว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ปอ.157 และหรือการทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฯและจริยธรรม จึงจำเป็นต้องร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ได้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามครรลองของกฎหมายต่อไป