สำนักพุทธฯ บุรีรัมย์ ชี้สร้างปราสาทวัดภูม่านฟ้า อ.นางรอง ไม่เหมือนนครวัด กัมพูชา หลังถูกชาวเน็ตโจมตี
วันที่ 7 ก.ค.2564 กรณี คนดังเน็ตไอดอล รวมถึงกระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชาประสานให้ตรวจสอบการก่อสร้าง ‘วัดภูม่านฟ้า’ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่าเป็นการสร้างเลียนแบบนครวัดของประเทศกัมพูชา
นายสมพงษ์ หมวดไธสง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า วัดภูม่านฟ้า ตั้งอยู่บ้านสิงห์ ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ หลังจากมีการเผยแพร่ในโลกโซเชียลว่า มีการก่อสร้างปราสาทที่มีลักษณะคล้ายกับปราสาทนครวัดของประเทศกัมพูชาที่กำลังมีการก่อสร้างขึ้นที่วัดแห่งนี้
จากการตรวจสอบข้อมูลวัดภูม่านฟ้า ได้รับการอนุญาตให้สร้างวัดเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2562 และวัดได้รับอนุญาตตั้งวัดในพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยมีพระสมศักดิ์ สังวรจิตโต เป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาส
ทั้งนี้ เจตนาของวัดสร้างเป็น “วัดพุทธศาสนพุทธสถาน” แบบเชิงท่องเที่ยว ซึ่งรักษาการแทนเจ้าอาวาส ได้ยืนยันว่าไม่ได้สร้างเลียนแบบ หรือใช้ศิลปะของนครวัดมาก่อสร้าง แต่อย่างใด มีเพียงเจดีย์ 3 องค์ที่มีลักษณะคล้ายกันเท่านั้น
ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ระบุต่อว่า อาณาบริเวณที่จะสร้าง เจดีย์ 3 องค์ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีข้อที่คล้ายคลึงกัน คือ เจดีย์ 3 องค์เท่านั้น ส่วนลายศิลปะ มีทั้งของไทยและของขอมปะปนด้วย ซึ่งพระเป็นคนออกแบบเอง แต่หากหน่วยงานไหนจะเข้าไปตรวจสอบ พร้อมจะอำนวยความสะดวก
ทั้งนี้ ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ. 2520 ระบุชัดเจนว่า การก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์หรืออนุสาวรีย์บุคคลสำคัญ รวมถึงการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ ต้องขออนุญาตจากกรมศิลปากร ซึ่งกรณีของวัดภูม่านฟ้า ไม่เข้าข่าย จึงสามารถดำเนินการต่อไปได้
ด้านนายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ศาสนสถานที่ก่อสร้างขึ้นในวัดภูม่านฟ้านั้น ไม่ใช่โบราณสถาน เเต่เป็นสิ่งก่อสร้างใหม่ ยกเว้นอาจมีบางอย่างที่เกี่ยวหรือคล้ายคลึงกับโบราณสถาน ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดเเล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีนี้อาจเกี่ยวข้องกับกฎหมายอื่นที่เข้ามาใช้บังคับในเรื่องการลอกเลียนเเบบ
อ่านระเบียบกระทรวงศึกษาธิการฉบับเต็ม