แม่เด็กออกมาโต้ ยืนยันว่าลูกไม่ได้ป่วยเป็นหิดและเป็นเด็กชอบอาบน้ำ รอเพียงใบรับรองแพทย์จะแจ้งความกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

ความคืบหน้ากรณี น้องภูผา วัย 9 ขวบ ถูกพี่เลี้ยงชั้น ป.5 และชั้น ม.4 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 37 อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ใช้ยาซีม่าราดตัวน้องภูผา จนมีอาการสาหัส แผลพุพองตามร่างกายเกือบทั้งตัว แต่ปรากฏว่าครูไม่ยอมนำส่งโรงพยาบาล จนพี่ชายและพี่สาวของน้องต้องไปยืมโทรศัพท์ช่างทำประตูโทรหาแม่ให้มารับไปรักษาตัว

ซึ่งเมื่อวานนี้ทางโรงเรียนออกมาชี้แจงว่าได้ตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เบื้องต้นสาเหตุที่เด็กพี่เลี้ยงทำไปหวังดีต้องการทายาให้น้อง เพราะน้องป่วยเป็นหิด

วันนี้นางจิตตนา แม่เด็กผู้เสียหาย ให้ข้อมูลกับทีมข่าวช่อง 8 ถึงประเด็นที่ ผอ.โรงเรียนบอกว่าลูกไม่ชอบอาบน้ำจนเป็นหิด จนทำให้รุ่นพี่ต้องทายาให้นั้นไม่จริง เพราะลูกเกิดในจังหวัดเพชรบูณณ์ ขนาดหนาวจนลูกเห็บตก ลูกยังนอนแช่น้ำ

ส่วนที่ ผอ.ชี้แจงว่ารุ่นพี่แค่ต้องการทารักษาโรคหิดให้ แต่ไม่มีความเข้าใจทำให้ทายามากไปจนลูกแพ้ยา ข้อเท็จจริงคือลูกถูกรุ่นพี่ทำโทษให้วิ่งรอบสนาม แต่ลูกวิ่งไม่ไหวเพระเหนื่อย เนื่องจากป่วยเป็นธาลัสซีเมีย และยังถูกรุ่นพี่เตะที่อกจนหัวกระแทกพื้นจนหัวปูด จากนั้นก็ไปเอายาซีม่ามาราดตัว จนปวดแสบปวดร้อน

และที่ผ่านมาโรงเรียนก็ไม่ติดต่อจะรับผิดชอบจนเป็นข่าว ขณะนี้รอเพียงใบรับรองแพทย์เพื่อนำไปแจ้งความ

ส่วนอาการของน้องภูผา วันนี้แพทย์โรงพยาบาลเขาพนม ระบุว่า เด็กโดนยาซีม่า มาในบริมาณมาก จนทำให้ร่างกายมีบาดแผลพุพองประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์มาถึงหมอถือว่ามีอาการหนัก จึงได้ทำการรักษาตามขั้นตอน จนขณะนี้แผลเริ่มดีขึ้น แต่ที่น่าห่วงคือบริเวณอวัยวะเพศและที่ขาหนีบยังมีน้ำเหลืองอยู่ แต่ก็ดีขึ้นตามลำดับ เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่วัน แต่คงเป็นเดือนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ

ขณะที่นายศักดิ์ชัย สุวรรณราช ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 37และคณะครูได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลและทำเรื่องย้ายเด็กจากห้องรวมไปยังห้องพิเศษ ซึ่งทางโรงเรียนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งค่าห้องและค่ารักษาทั้งหมด

ทาง ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า รู้สึกกังวลหลังทราบว่าแม่ของเด็กยังยืนยันที่จะแจ้งความกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทางโรงเรียนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดจากความบกพร่อง ส่วนการสอบสวนของคณะกรรมการที่โรงเรียนตั้งขึ้นมานั้น ผลออกมาแล้วว่าเด็กพี่เลี้ยงมีความผิด เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็จะได้ทำโทษตามระเบียบคือว่ากล่าวตักเตือน และตัดคะแนนความประพฤติ

ส่วนครูนั้น ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมาแล้วเช่นกัน หากมีความประมาทหรือผิด ก็จะดำเนินการลงโทษตามระเบียบ

ผอ.บอกว่า ทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนในกับเรื่องที่เกิดขึ้น และก็ไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้ หลังจากนี้คงต้องหามาตรการที่เข้มข้นมาใช้ในการป้องกันต่อไป

เพื่อให้เห็นภาพความรุนแรงของยาซีม่าซึ่งใช้รักษาโรคผิวหนัง ทีมข่าวจึงนำเนื้อหมูมาทดลอง โดยแบ่งเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกราดยาซีม่าจำนวนมาก ก้อนที่ 2 ใช้สำลีชุบป้ายเล็กน้อย

ทิ้งไว้ไม่นาน พบว่าเนื้อหมูก้อนแรกเปลี่ยนจากสีแดงอมชมพูเป็นสีขาวคล้ายเนื้อหมูสุกชัดเจน

สอดคล้องกับที่นักเคมี อ.อ๊อด ที่ระบุว่า ยาดังกล่าวมีส่วนประกอบที่มีฤทธิ์กัดกร่อนผิวหนังชั้นนอก เพื่อให้ยาอีกตัวเข้าไปรักษาโรคผิวหนัง ปกติจะเป็นยาใช้ทาเฉพาะจุดในปริมาณน้อย แต่หากใช้ปริมาณมากกับผู้ไม่ได้ป่วย ก็จะทำให้ผิวหนังลอกพุพอง โดยเฉพาะผิวอ่อนอวัยวะเพศ หากอาการหนักถึงขั้นติดเชื้อและเสียชีวิตได้

แม่จ่อฟ้อง! ลูกถูกรุ่นพี่ราด "ซีม่า" ยันลูกไม่ได้ป่วยหิด