ตำรวจแต่งงานซ้อน หากเราไปไล่เรียง ใน พ.ร.บ.ตำรวจ นั้น มีโทษร้ายแรงถึงปลดออก หรือไล่ออกได้ ส่วนความเคลื่อนไหวของฝ่ายหญิง วันนี้ ทีมทนาย ไปยื่นฟ้องคู่กรณีเรียกค่าเสียหาย

นายอนุสรณ์  อะสุรพงษ์ ทนายความของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย บอกว่า วันนี้ได้พาลูกความไปศาลคดีเด็กเยาวชนและครอบครัวจังหวัดชัยนาท เพื่อไปยื่นฟ้อง เจ้าสาวที่แต่งงานกับสามีเธอ เป็นการฟ้องคดีแพ่ง เพื่อเรียกค่าทดแทน ส่วนการร้องเอาผิดทางวินัยฝ่ายผู้ชาย ตอนนี้ต้องรอผู้บังคับบัญชา เป็นผู้ตรวจสอบทางวินัยเอง ซึ่งพฤติการณ์ก็มีความผิดทางวินัยอยู่แล้ว

โดยฝ่ายหญิง ย้ำว่า ไม่หย่า เพราะยังถือทะเบียนสมรสอยู่ ส่วนตัวสามียังไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ เพราะยังให้โอกาสกลับมาดูแลครอบครัว เพราะสงสารลูก

ขณะที่ทนายอีกหลายๆคนก็ออกมาแสดงควาเห็นกับเรื่องดังกล่าว ว่า เมียหลวงมีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องเรียกทดแทนจากเมียน้อยอยู่แล้ว และยิ่งมีลูกด้วยกันแล้วยิ่งต้องมีภาระ บางเคสเคยมีการเรียกร้องกันถึงหลักล้านเลยก็มี

นอกจากนี้ฝ่ายเมียหลวงยังสามารถฟ้องหย่า และเรียกร้องค่าเลี้ยงดูจากฝ่ายสามีได้อีกด้วย

ส่วนกรณีที่ เมียหลวงบุกไปประกาศตัวว่าเป็นเมียในงานแต่งงานของสามีนั้น สามารถโพสต์ในโซเชียลได้ ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท เพราะถือว่าเป็นการป้องกันส่วนได้เสียของตนเอง แต่ต้องไม่ทำร้ายร่างกายใคร เพราะไม่เช่นนั้นตัวเองจะเป็นฝ่ายผิดเอง

ขณะที่อีกมุม ของทนายความ ก็ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า ฝ่ายเมียหลวง อย่างมากก็จะมีโอกาส ชนะแค่คดีฟ้องหย่า แต่เมื่อมีการมาโพสต์ประจานแบบนี้ อาจจะโดน ฟ้องกลับ ในคดีหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา และ ความผิดฐาน นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และ คดีบุกรุก และเมียน้อย ยังมีสิทธิ ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการละเมิด จากเมียหลวง ได้อีกด้วย

และในเรื่องนี้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และระเบียบ ก.ตร. ได้ระบุถึงการลงโทษวินัยอย่างไม่ร้ายแรง และกำหนดบทลงโทษเรื่องสัมพันธ์ฉันชู้สาวเอาไว้ น่าสนใจ เราไปดูรายละเอียดกีนหน่อย

1. ข้าราชการตำรวจเกี่ยวข้องกับหญิงอื่น หรือชายอื่น โดยที่ตนเองมีภรรยาหรือสามีอยู่แล้ว และเกิดเรื่องเสื่อมเสีย ลงโทษกักขัง 30 วัน
2. ได้หญิงหรือชาย เป็นภรรยาหรือสามี แล้วไม่เลี้ยงดู และเกิดเรื่องเสื่อมเสียหรือเสียหาย ลงโทษกักขัง 30 วัน
3. จดทะเบียนสมรสซ้อน ลงโทษกักขัง 30 วัน
4. ไม่เลี้ยงดูคู่สมรสและบุตร และไม่ยกย่องฐานานุรูป ลงโทษกักขัง 30 วัน

5.ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการหย่า การอุปการะบุตร

พลตำรวจตรียิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อธิบายว่า ถ้าเป็น ความผิดครั้งแรก จะโดนภาคทัณฑ์ก่อน และถ้าเป็นความผิดครั้งที่สอง จะต้องโดนกักยาม 3 วัน และถ้ากระทำความผิดครั้งที่สาม รวมทั้งครั้งต่อไป กักยาม 3 วัน

แต่ถ้ามีพฤติกรรมอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ทำหลายครั้ง หลอกเอาเงินทอง ใช้อำนาจหน้าที่บังคับข่มเหง กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงจะเป็นการกระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีบทลงโทษที่หนักขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนด การลงโทษวินัยร้ายแรง เกี่ยวกับ "เชิงชู้สาว" ว่า ถ้าเป็นชู้ หรือมีชู้ มีพฤติการณ์เป็นชู้ หรือมีชู้กับภรรยา หรือสามีผู้อื่น จะมีโทษ ร้ายแรงถึงปลดออก หรือไล่ออกตามความร้ายแรงของพฤติกรรม

ซึ่งกรณีนี้ ก็ต้องแล้วแต่ต้นสังกัด ว่าจะพูดคุยและพิจารณาโทษอย่างไร

โฆษกตร.ชี้แต่งเมียซ้อนโทษหนักถึงไล่ออก