ระบาดหนัก "เคนมผง" ฤทธิ์แรงจนตายนับ 10 ผบ.ตร.สั่งไล่ล่ากวาดล้าง

"เคนมผง" ยาเสพติดขนานใหม่ที่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่น กลายเป็นเพชรฆาตที่ฆ่าไปแล้วถึง 10 ชีวิต ใน 1 สัปดาห์ หนึ่งในนั้นคือ สาว PR วัย 24 ปี ถูกพบเป็นศพภายในบ้านหลังหนึ่ง ที่แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กทม.สภาพศพนอนหงาย มือทั้ง 2 ข้างกำแน่นที่ริมฝีปากขาวซีด

ทั้งนี้ เพียงวันเดียว มีวัยรุ่นเสียชีวิตปริศนา ในลักษณะเดียวกัน แบบใบไม้ร่วงนับสิบราย เกิดจากยาเสพติดสายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า "เคนมผง"

โดยนับตั้งแต่บ่ายวานนี้ (10 ม.ค.) ถึง 8 โมงเช้าวันนี้ (11 ม.ค.) มีผู้เสียชีวิต และหมดสติอาการ สาหัสจากการเสพ "เคนมผง" จำนวนมาก เฉพาะที่ สน.วัดพระยาไกร พบเสียชีวิต 5 คน ยังโคม่าอีกจำนวนมาก

รายแรก พบเวลา บ่าย 2 ที่คอนโดแห่งหนึ่งใน ซอยจันทน์ 29 พบร่างนายนิติเทพ อายุ 26 ปี

จากนั้นไม่ถึง 10 นาที ได้รับแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิต ในบ้านพักซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 4 กู้ภัยไปถึงพบร่างนางสาวพาณิภัค อายุ 21 ปี นอนเสียชีวิต ใกล้กันพบแฟนหนุ่มนอนหมดสติ เจ้าหน้าที่ทำ CPR ก่อนนำตัวส่ง รพ.

รายที่ 3 เวลา 16.30 น. พบร่า นายวรุตม์ อายุ 29 ปี นอนเสียชีวิตในบ้านเลขที่ 488/82 ชุมชนวัดบางโคล่นอก

รายที่ 4 เวลา 23.00 พบร่างนางสาวสุทธินี อายุ 24 ปี พีอาร์สาวที่นอนเสียชีวิตอยู่ในบ้านพัก ซอยจันทน์ 31 ใกล้กับพบเพื่อนสาวอีกคนที่หายใจรวยริน

รายที่ 5 นายธงชัย 34 ปี พบเป็นศพนอนแน่นิ่ง ในเวลา 00.06 น. (เช้ามืดวันที่ 11 มค. ) ในบ้านเลขที่ 454/25 ซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 20 (อยู่ดี แยก 11)

ส่วนรายที่ 6ชายอายุ 20 ปี เป็นพนักงานส่งเอกสาร ที่ตอนแรกมีข้อมูลว่า เสียชีวิต ล่าสุดยังอยู่ไอซียูอาการโคม่า

นอกจากนี้ ยังมีในพื้นที่อื่นอีกหลายคน คือ ส.น. ลุมพินี ชาย 1 คน // สน. สุทธิสาร (รัชดาภิเษก 18 ) หญิง อายุ 19 ปี 1 คน // สน.ทุ่งมหาเมฆ 1 คน // สน.บางโพงพาง 2 คน

ส่วนผสมมรณะของ "เคนมผง" ประกอบด้วย เคตามีน เฮโรอีน ไอซ์ และโร่เซ่ หรือที่มีชื่อเต็มว่า โคลนาซีแพม ยานอนหลับที่เป็นตัวเชื่อมกระตุ้นให้ยาเสพติดทั้งสามตัวออกฤทธิ์เต็มที่

เป็นยาที่มีกลุ่มวัยรุ่นผู้เสพคิดนำมาผสมขึ้นเอง ในรูปแบบคล้าย "นมผง" เพื่อให้ยามีฤทธิ์แรงขึ้น (สนุกมากขึ้น) และเพิ่มมูลค่าของตัวยาให้มีราคาสูงมากขึ้น โดยราคาของเคนมผงตอนนี้ ตกอยู่ที่ 500 บาทต่อกรัม

พลตำรวจโทมนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่าจุดเริ่มต้นของ "เคนมผง" น่าจะมาจากจังหวัดปทุมธานี เนื่องจากเป็นแหล่งพักยา และสามารถหาส่วนผสมทั้งหมดได้ง่าย

สำหรับผู้เสพเคนมผงจะมึนเมาเหมือนคนเมาเหล้า แต่จะไม่มีกลิ่นสุรา และจะมีอาการสะลึมสะลือ โดยอาการที่อันตรายที่สุดคือปากเขียวคล้ำ และมีเลือดออกทางจมูก ซึ่งหมายถึงอาการเสพยาเกินขนาดจนร่างกายไม่สามารถรับได้ หรือน็อกยา นำไปสู่การเสียชีวิต

รองศาสตราจารย์วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อธิบายว่า ปกติยาเค มีฤทธิ์ทำให้อยู่ในภวังค์ แต่มีผลข้างเคียงทำให้ความดันโลหิตสูง หากเสพจนเมาจะกดการหายใจ ส่วนเฮโรอีน เสพแล้วจะทำให้เกิดอาการหลอน ไอซ์เสพแล้วทำให้เกิดการตื่นตัว แต่ทำให้ระบบหายใจมีปัญหา

ซึ่งการนำสารทั้ง 4 ชนิดมาผสมกันเป็นแบบค็อกเทล เปรียบเสมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ ทำให้เกิดฤทธิ์ฉับพลันกับผู้เสพ

ที่สำคัญคือวิธีการเสพที่ใช้วิธีสูดเช่นเดียวกับการดมยานัด เป่าเข้าไปในโพรงจมูก จึงเกิดการดูดซึมอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้เสพสลบก็จะเหมือนผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ส่งผลให้สมองสั่งการไม่ได้ หลอดลมหดตัว หัวใจทำงานหนัก จนหมดสติและเสียชีวิตในที่สุด

ที่น่าตั้งข้อสังเกต คือ ยานอนหลับนั้น เป็นยาที่แพทย์ต้องสั่ง แต่เหตุใดกลุ่มวัยรุ่นยังสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมได้

สำหรับความสูญเสีย 10 ชีวิตที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. เปิดเผยว่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างนำร่างผู้เสียชีวิต ไปตรวจพิสูจน์ที่นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คาดว่า เป็นการเสียชีวิตจากระบบหายใจและหมุนเวียนโลหิตล้มเหลว ส่วนจะเป็นเพราะยาเสพติดหรือไม่ ต้องรอผลตรวจการวิเคราะห์โดยละเอียดของแพทย์ผู้ชันสูตรอีกครั้งในวันนี้

ส่วนผู้เสียชีวิตทั้งหมดจะรู้จักคุ้นเคยกันหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของ บช.ปส. ทั้งพยานแวดล้อมและผู้เสพที่ยังไม่เสียชีวิต เพื่อหาความเชื่อมโยงว่า แต่ละจุดจะมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่

ขณะที่พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เป็นแม่งานไปสุ่มตรวจตามสถานที่ ที่คาดว่า ยาเสพติดตัวนี้จะแพร่ระบาด และให้เร่งดำเนินการกวาดล้างทันที