นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่คณะราษฎรประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับคณะกรรมการสมานฉันท์ ว่า คณะกรรมการยังไม่ได้ตั้งเลย ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการติดต่อขอความเห็นจากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเพื่อขอความคิดเห็น ในฐานะผู้มีประสบการณ์ ไม่ได้หมายความว่าจะไปเชิญเป็นกรรมการสมานฉันท์ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ ซึ่งตนตั้งใจจะเดินสายคุยกับอดีตนายกรัฐมนตรีทุกคน รวมไปถึงจะเข้าไปพูดคุยกับพลเอกสุรยุทธ์  จุลานนท์ ประธานองคมนตรีด้วย ในฐานะที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนนายธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกรัฐมนตรี ทราบว่าสุขภาพท่านไม่ค่อยดี แต่ก็จะโทรศัพท์ไปสอบถามว่าไหวหรือไม่

ขณะเดียวกันการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ไม่ได้เป็นแนวคิดของรัฐสภา แต่เป็นเรื่องที่รับมา จากฝ่ายต่างๆ หากไม่รับมาก็จะกลายเป็นการมองข้ามการแก้ไขปัญหา และตนก็ไม่ได้คิดว่าหาจะเหมือนในอดีต แต่เราสามารถใช้ประสบการณ์ มาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาในอนาคตได้

นายชวน ยอมรับด้วยว่า ขณะนี้การเชิญใครมาเป็นกรรมการเป็นเรื่องยาก ผู้ใหญ่ที่ตนโทรศัพท์หาก็ยังไม่ได้เป็นกรรมการ แต่ท่านเห็นด้วยกับการหาทางลดความรุนแรงในบ้านเมือง และการจะเชิญใครมาเป็นคณะกรรมการต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจ และตนเองก็ไม่เคยคิดจะเข้าไปนั่งเป็นประธานเองหรือเข้าไปเป็นตัวกลางในการพูดคุยกับผู้ชุมนุม

เมื่อถามย้ำว่า ดูเหมือนกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันจะไม่ร่วมเด็ดขาด นายชวน กล่าวว่า เราตั้งใจเอาคนที่ต้องการเห็นความปรองดอง ใครที่ยื่นคำขาดจะไม่ร่วมก็เป็นเรื่องของเขา เราก็ทำงานในส่วนของเรา ซึ่งได้บอกเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าไปแล้วว่า การวางโครงสร้างคณะกรรมการสมานฉันท์ ต้องแยกเรื่องผู้ชุมนุมที่เป็นเรื่องเฉพาะหน้าออกจากการแก้ไขในอนาคต อาจจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปติดตาม แต่ที่ตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ เป็นการมองไปในอนาคต

เมื่อถามย้ำอีกว่าจะเป็นปัญหาหรือไม่หากไม่นำผู้ขัดแย้งมาร่วม นายชวน กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเงื่อนไขของเรา เพราะข้อเสนอของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขาจึงคิดรูปแบบมา 2 รูปแบบ หาแแบบที่มีผู้ชุมนุมอยู่ในคณะกรรมการทำไม่ได้ ก็เลือกรูปแบบที่ 2 แต่ขณะนี้ขอให้รอก่อน ไม่สามารถตั้งคณะกรรมการได้ทันทีทันใด และเป้าหมายของเราต้องการคนที่เข้ามาร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาในประเทศ ไม่ใช่ให้มาทะเลาะกัน

ทั้งนี้ ในวันที่มีการหารือ 3 ฝ่าย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้เสนอความเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถือว่าเป็นประโยชน์มาก และไม่เคยได้ยินลักษณะนี้มาก่อน ทีท่าของนายพรเพชรต่างจากที่เราเคยได้ยิน ซึ่งวันนั้นคุยกันเพียงสั้นๆแต่ผลที่ออกมามีความสำคัญ เรื่องแรกคือ ฝ่ายค้านยังไม่ปิดประตูร่วมกรรมการสมานฉันท์ และประเด็นที่สองคือ ความเห็นของนายพรเพชร ทำให้รู้สึกว่า ความขัดแย้งระหว่างวุฒิสภาชิกน่าจะลดลงไปบ้าง

นายชวน ยังเปิดเผยด้วยว่าต้องโทรศัพท์ไปขอโทษผู้ใหญ่ที่ตนเองไปขอความเห็น หลังจากนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ออกมาต่อว่าบุคคลเหล่านั้น ซึ่งตนโทรไปขอโทษ ที่เอ่ยชื่อบุคคลเหล่านั้นออกไป แล้วมีบุคคลอื่นมาพูดในทำนองที่ไม่เหมาะสม และตนก็ไม่เคยพูด ว่าจะเชิญนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แต่กลับมีนักข่าวไปสอบถามนายวิษณุ ตนจึงต้องโทรไปขอโทษนายวิษณุด้วย