นายกฯ มอบ "ประวิตร" ดูม็อบ 19 ก.ย. ย้ำไม่ให้เกิดความรุนแรง พร้อมขอความเป็นธรรมตัวเองและรัฐบาลทำเพื่อประเทศมามาก

(17 ก.ย. 2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ที่จะมีการเคลื่อนขบวนมาทำเนียบรัฐบาลในเช้าวันที่ 20 ก.ย. ว่า ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ติดตามดูแลในภาพรวม ส่วนเจ้าหน้าที่ต้องทำตามหน้าที่ ซึ่งตนเองได้เน้นย้ำว่าให้ปฏิบัติด้วยความนุ่มนวล เพราะทุกคนล้วนเป็นเด็ก เยาวชน ลูกหลาน พร้อมขอร้องไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมว่าให้ระมัดระวังในการทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมในสถานที่ราชการ ซึ่งมีกติกากฎหมายอยู่แล้ว บางอย่างจึงไม่ควรปฏิบัติให้เกิดปัญหาระหว่างกัน

ขณะเดียวกันอาจจะมีบุคคลหลายฝ่ายที่ต้องการให้เกิดเหตุ​การณ์​ความรุนแรงขึ้นและนำไปสู่ความบานปลาย ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น แต่ก็อาจเกิดจากกลุ่มผู้ชุมนุมเอง เพราะในช่วงที่ผ่านมาทุกคนทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น แม้จะเอาว่าเป็นการชุมนุมตามหลักรัฐธรรมนูญ แต่ในทางปฏิบัติต้องระมัดระวังในกฎหมายลูกไปด้วยซึ่งตนเองไม่ได้ขู่ใคร แต่ประเทศชาติต้องอยู่ด้วยกฎหมาย หากทุกคนตั้งใจจะฝ่าฝืนกฎหมาย เชื่อว่าคนทั้งประเทศจะไม่ยินยอม เพราะได้รับผลกระทบไปด้วย

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ตนเองไม่ได้ขัดแย้งกับใคร จะใช้สิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้ แต่ขอให้มีจิตสำนึก ในส่วนที่จะทำให้ประเทศชาติเสียหายด้วย โดยเฉพาะในที่เศรษฐกิจมีปัญหาอยู่ ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบไม่ใช่แค่นายกรัฐมนตรี​หรือรัฐบาลอย่างเดียว ส่วนแนวทางการขับเคลื่อนของกลุ่มผู้ชุมนุมตนเองทราบอยู่แล้วว่าจะมีการทำอะไรบ้างเดินทางไปที่ไหนอย่างไร แต่ขอเตือนให้ระมัดระวังมากที่สุด อะไรที่ไม่สมควรก็อย่าทำ ซึ่งตนเองพยายามอดทนอย่างยิ่งยวด เห็นได้จากระยะเวลาที่ผ่านมา ที่ตนเองอดทนหาวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม ทำอย่างไรให้ประเทศเดินไปข้างหน้า เพราะหลายคนหลายส่วนยังเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหากมีความรุนแรงเกิดขึ้นใครจะเป็นคนรับผิดชอบ

แม้การชุมนุมจะเป็นสิทธิแต่ขอให้คำนึงถึงคนอื่นด้วย ทุกคนจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์จากสิ่งที่ทำ เหมือนคำที่บอกว่า "You Get What You Play" ทำอะไรได้อย่างนั้น ซึ่งตนเองอาจไม่เดือดร้อน แต่ประเทศชาติเดือดร้อน เมื่อทุกคนบอกว่ารักชาติรักประเทศอยากช่วยกันแก้ไขก็เริ่มจากการแก้ไขตัวเองก่อนว่าต้องทำความเข้าใจกันอย่างไร หากเริ่มต้นจากการขัดแย้งตลอดก็ไปกันไม่ได้ทั้งหมด ไม่ใช่ว่าจะสามารถเปลี่ยนทุกอย่างภายในวันนี้เลย แต่ต้องดูว่าสามารถทำได้หรือไม่ ทุกวันนี้หลายคนออกมาพูดให้เกิดความเชื่อมั่นเชื่อถือโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดมาเป็นอันตรายหรือทำได้หรือไม่ ซึ่งคนเหล่านี้ตนเองถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด ประเทศผ่านบทเรียนมาก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดมาหลายครั้ง บางครั้งก็เป็นคนเดิม ๆ ที่ยังทำเช่นนั้นอยู่ โดยเชื่อว่าทุกคนทราบดี ตนจะไม่เอ่ยถึงใคร เพราะจะกลายเป็นปัญหาขึ้นอีก

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ทุกคนต้องมีจิตสำนึกว่าทำอย่างไรประเทศจะปลอดภัย สามารถพัฒนาประเทศและเดินไปข้างหน้า แล้วขอให้ยอมรับว่าบางอย่างมีความก้าวหน้า สิ่งที่ทำได้เร็วก็เดินหน้าก็เดินหน้า แต่สิ่งที่ทำยังไม่ได้ก็ต้องแก้กันต่อไป ซึ่งคิดว่ารัฐบาลนี้นำทุกอย่างมาแก้ไขและเดินหน้าประเทศไทยหลายมิติ จึงขอความเป็นธรรมด้วยไม่ว่าตนเองจะมาอย่างไรก็ได้ทำทุกอย่างให้กับประเทศ ซึ่งตนเข้ามาตามหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่และไม่ต้องการให้ใครมาชื่นชม ตนมีความภูมิใจในตนเองว่าทำเพื่อใคร ทำเพื่อคนไทยทุกคนลูกหลาน 67 ล้านคนในประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับมาหากเกิดปัญหาขึ้น ต่างชาติจะมองอย่างไร พร้อมถามว่า หากทุกอย่างหยุดลงวันนี้แล้วใครจะมาทำ ซึ่งวันนี้บ้านเมืองมีปัญหามากพออยู่แล้ว บ่นก็จะพยายามแก้ไขให้ได้มากที่สุด

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า คนที่ดีตั้งใจทำงานก็มีเยอะมากกว่าคนไม่ดี ซึ่งคนไม่ดีต้องแก้ไขให้เป็นคนที่ดีขึ้น หากมัวแต่ขัดแย้งกันไปมา ไม่ว่าใครจะเข้ามาหรือไปก็ทะเลาะกันอยู่แบบนี้แล้วประเทศจะอยู่ได้หรือไม่ แม้หลายคนจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแต่เป็นการทำลายโอกาสของประเทศ จึงขอฝากไปยังประชาชนทุกคน ให้เข้าใจว่าจะช่วยเหลือบ้านเมืองกันอย่างไรในเวลานี้

ส่วนการชุมนุม ที่อยู่ใกล้เขตพระราชฐานจะมีการกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่นายกรัฐมนตรีกล่าวสั้น ๆ ว่า กฎหมายก็คือกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม เป็นที่สังเกตว่าตลอดการสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี พยายามควบคุมตัวเองด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เรียบเฉย และวางตัวนิ่งกว่าปกติ ที่จะแสดงท่าทางด้วยมือในขณะที่พูด แต่วันนี้นายกรัฐมนตรียืนนิ่ง วางแขนไว้ข้างลำตัว มีเพียงมือข้างซ้ายที่ บีบนิ้วมือตัวเองตลอด