"ศรีสุวรรณ" จี้ตำรวจเร่งเอาผิดแกนนำม็อบเยาวชนปลดแอก-ส.ส. ชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย

(19 ก.ค. 2563) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ได้ปลุกระดมให้คนออกมาชุมนุมกันในวันเสาร์ที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ 1.ต้องประกาศยุบสภา 2.หยุดคุกคามประชาชน และ 3.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ยังไม่ยุติ และการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ยังห้ามการรวมกลุ่ม หรือการชุมนุมต่าง ๆ นั้น

การจัดชุมนุมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา อาทิ การฝ่าฝืน ม.9(2) แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 มีอัตราโทษตาม ม.18 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา ม.215 ฐานมั่วสุมกันเกินกว่าสิบคนหรือก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าเป็นแกนนำม็อบหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกชุมนุมแล้วยังฝ่าฝืนมีความผิดตาม ม.216 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนั้นยังมีความผิดตาม ป.อาญา ม.209 ฐานเป็นอั้งยี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท ความผิดฐานปิดกั้นถนนตาม ม.114 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก 2522 ความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ขออนุญาตตาม ม.4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง 2493 อีกด้วย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่จะต้องเร่งดำเนินการออกหมายเรียกและติดตามจับกุมผู้ที่ต้องสงสัยรวมทั้งแกนนำม็อบทั้งหมดที่จับไมโครโฟนปราศรัยปลุกระดมมาดำเนินการสอบสวนและทำความเห็นทางคดี ตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 9 และประมวลการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะ 8 บทที่ 2 ข้อ 278
นอกจากนั้น ยังต้องออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มการเมือง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคน ที่ให้ท้ายการชุมนุมดังกล่าว ถึงขั้นเตรียมการที่จะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวให้ล่วงหน้า มาดำเนินการสอบสวนและทำความเห็นทางคดี ฐานเป็นตัวการและผู้สนับสนุน ตาม ป.อาญา ม.83 และ ม.86 เพื่อส่งอัยการฟ้องต่อศาลอาญาต่อไปโดยเร็วด้วย

การชุมนุมดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน การสรุปสำนวนการสอบสวนและทำความเห็นทางคดี จะต้องเสนอให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อาญา ม.90 เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อบุคคลอื่น ๆ ที่ริอ่านจะจัดการชุมนุมหรือเป็นแกนนำการชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมาย อันเป็นการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสังคมและสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด