ตำรวจคุมตัวชายวัย 52 ปี ดำเนินคดีข้อหาพรากผู้เยาว์ หลังพา "น้องโยโย่" ไปเที่ยวเชียงใหม่ หายตัวนาน 15 วัน สารภาพ เด็กมีปัญหาครอบครัว และมาปรึกษาให้พาหนี

คุมตัวผู้ต้องหาพราก "น้องโยโย่" ดำเนินคดี

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวนครบาลพลับพลาไชย 1 คุมตัวนายรณชิต บำรุงจิตร์ อายุ 52 ปี เพื่อนำตัวไปดำเนินคดีในข้อหา พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี หลังจากเป็นผู้พาตัวเด็กหญิงโยโย่ อายุ 14 ปีซ้อนจักรยานยนต์จากกรุงเทพฯ มาเที่ยว จ.เชียงใหม่ กระทั่งครอบครัวเด็กแจ้งความตำรวจให้ตามหา จนพบตัว

โดยระหว่างที่นำตัวออกจากห้องคุมขัง สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุ แต่นายรณชิตไม่ยอมพูดจา และมีสีหน้าเรียบเฉย

คดีนี้ตำรวจได้แกะรอยจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพขณะ "น้องโยโย่" เด็กหญิงอายุ 14 ปี นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของ นายรณชิต ซึ่งเป็นพ่อของเพื่อนมาที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหลักฐานสำคัญทำให้ตำรวจตามจับกุมได้ หลังพา "น้องโยโย่" หายตัวไปหลังสอบเสร็จ ตั้งแต่บ่าย วันที่ 27 ธันวาคม ปีที่แล้ว

สอบสวนเบื้องต้น นายรณชิต รับสารภาพว่า รู้จักกับ "น้องโยโย่" เพราะเป็นเพื่อนกับลูกสาวที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน นอกจากนี้ ยังสนิทสนมกับแม่ของ "น้องโยโย"ด้วย รู้จักกับครอบครัวน้องมา 7-8 ปี แล้ว และเป็นครูสอนพิเศษให้กับ "น้องโยโย่" จนเกิดความใกล้ชิดกัน ส่วนภรรยาของตน เลิกรากันไปแล้ว

ก่อนเกิดเหตุ "น้องโยโย่" มีปัญหาครอบครัว จึงเข้ามาปลอบใจก่อนจะนัดหมายพากันขี่รถจักรยานยนต์เพื่อไปท่องเที่ยว ออกจากกรุงเทพฯ และพักค้างแรมตามจังหวัดต่างๆ จนมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา

พ่อแม่"น้องโยโย่"ยอมรับเข้มงวดกับลูกเกินไป-อยากขอโทษ

ด้านพ่อและแม่ของน้องโยโย่ เดินทางมาที่สถานีตำรวจนครบาลพลับพลาไชย หลังทราบข่าวว่า ตำรวจพบตัวลูกสาวแล้ว โดยพ่อยอมรับกับทีมข่าวว่า นับตั้งแต่ มีผู้พบตัวลูกสาว ยังไม่ได้พูดคุยกันเลย หากได้เจอก็อยากจะกอดเป็นอย่างแรก ส่วนนายรณชิตผู้ต้องหานั้น เชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่า เป็นคนพาลูกสาวไป เพราะมีความสนิทกันมากที่สุด อีกทั้งยังไม่สามารถติดต่อได้

พ่อน้องโยโย่ บอกว่า นายรณชิตมีลูกสาวที่โตกว่าและเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับน้องโยโย่ ซึ่งมีความสนิทสนมกันมากพอสมควร จึงมักเรียกว่าเป็นลุง อีกทั้งยังเคยไปเที่ยว ไปกินข้าวตามร้านอาหารด้วยกัน ทางครอบครัวจึงไว้เนื้อเชื่อใจ

ปกติน้องจะไปเรียนพิเศษกับนายรณชิต ซึ่งรับติวเตอร์ตามร้านอาหารห้างสรรพสินค้า แต่คุณแม่ก็เดินทางไปด้วยตลอด ได้เจอน้องโยโย่ครั้งล่าสุดหลังจากเข้าไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล จากนั้นเมื่อวันสอบเสร็จก็ไม่พบน้องอีกเลย

แต่ยอมรับว่า หนึ่งในสาเหตุที่อาจจะทำให้ลูกสาวออกจากบ้าน และเขียนจดหมายระบายความเครียด อาจเป็นเพราะตนและภรรยาเข้มงวดกับลูกเกินไป และไม่ค่อยเปิดรับฟังปัญหา หากพบลูกจะกอดลูก ขอโทษ และให้สัญญาว่าจะเข้าใจลูกให้มากขึ้น

เช่นเดียวกับแม่น้องโยโย่ ระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้น เกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากเกินไป ยืนยันจะดำเนินคดีกับคนที่พาลูกสาวไปให้ถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการอะไร เพียงอยากให้ลูกกลับมาหาครอบครัวก่อน 

ผู้ต้องหาพราก "น้องโยโย่" สารภาพเด็กมีปัญหา-มาปรึกษาให้พาหนี

ทั้งนี้เมื่อตำรวจนำตัว นายรณชิต ผู้ต้องหา มาจากจังหวัดเชียงใหม่ ถึง สน.พลับพลาไชย 1 ก็รีบนำตัวเข้าห้องสืบสวนทันที

หลังสอบปากคำ พันตำรวจเอก เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผู้กำกับ สน.พลับพลาไชย 1 ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ผู้ต้องหารับสารภาพว่า รู้จักกับ "น้องโยโย่" เพราะเป็นเพื่อนกับลูกสาว เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน และเป็นผู้ที่พาเด็กหลบหนีไป เพราะเด็กมีปัญหาในครอบครัว และมาปรึกษาขอร้องให้พาหนี จึงช่วยปลอบใจ ก่อนนัดกันขี่รถจักรยานยนต์ไปเที่ยว ออกจากกรุงเทพฯ ไปค้างแรมตามจังหวัดต่างๆ

กระทั่ง มาถึงจังหวัดเชียงใหม่ ได้พาเด็กไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง มีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด จึงเข้าข่ายตามความผิดฐานพรากผู้เยาว์ทันที ซึ่งในวันนี้ (12 ม.ค.) ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหา ไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว

ผู้กำกับ สน.พลับพลาไชย 1 ยังกล่าวถึงประเด็นที่มีการแชร์ภาพถ่ายกล่องนมในห้องที่น้องโยโย่และผู้ต้องหาพักอยู่ร่วมกันนั้นว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และยังอยู่ในสำนวนการทำคดีจึงไม่ขอกล่าวถึง

ส่วนเด็กจะพบกับพ่อแม่ได้เมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมของน้องว่า จะเข้าพบได้เมื่อไหร่ จะคล้ายกับกรณีของ น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน สาวซาอุฯ วัย 18 ปี ที่หลบหนีการแต่งงานมาที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องของหลักสิทธิมนุษยชน

พม.เผย “น้องโยโย่” ยังเครียด ไม่พร้อมพบครอบครัว

ส่วน“น้องโยโย่” ขณะนี้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ทั้งนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยาตลอด 24 ชั่วโมง ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พา “น้องโยโย่” ไปตรวจสุขภาพร่างกายที่โรงพยาบาลว่ามีการถูกทำร้าย หรือกระทำใดๆ กับร่างกายเด็กหรือไม่

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อพูดคุยกับพ่อแม่ของ “น้องโยโย่” แล้ว ซึ่งพ่อแม่อยากจะเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่เพื่อพบตัวลูกสาวทันที แต่ “น้องโยโย่” ยังไม่พร้อมที่จะพบพ่อแม่และครอบครัว รวมทั้งยังมีความเครียดอยู่

ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงจะยังไม่มีการให้พบกัน และจะให้ “น้องโยโย่” อยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ต่อไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าจะมีความพร้อม ซึ่งพ่อแม่เข้าใจเป็นอย่างดี

พม.เผย"น้องโยโย่"หนีออกจากบ้าน เหตุเครียดพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ 

นอกจากนี้ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า เบื้องต้นจากการพูดคุยกับ “น้องโยโย่” คาดว่าสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจออกจากบ้านน่าจะเนื่องมาจากปัญหาและความกดดันในครอบครัว จากการที่พ่อแม่ต้องทำมาหากินจนไม่ค่อยมีเวลาให้ และต้องให้ “น้องโยโย่” ช่วยดูแลน้องอีก 2 คน ในขณะที่ “น้องโยโย่” ซึ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่นอยากจะมีเวลาส่วนตัวไปทำกิจกรรมเหมือนเด็กวัยเดียวกันบ้าง และการออกจากบ้านมากับผู้ชายที่ถูกควบคุมตัวน่าจะเป็นไปโดยความสมัครใจ แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดต่างๆ ได้

หาก “น้องโยโย่” ต้องการอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ต่อไปเบื้องต้นสามารถอยู่ได้นาน 3 เดือน แต่ขยายระยะเวลาได้ตามเหตุผลและความจำเป็น

ผู้ต้องหาพราก "น้องโยโย่" สารภาพ "เด็กมีปัญหา-มาปรึกษาให้พาหนี"