รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคแปด และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการหลบหนีของผู้ต้องขังสามคนขณะนำตัวส่งศาลจังหวัดหลังสวน พบข้อมูลว่ามีนักโทษชายวศิน เป็นหัวหน้าในการวางแผน แต่ถูกผู้ต้องขังที่หลบหนีได้ขับรถทับก่อน

พลตำรวจโทพงศ์วุฒิ พงษ์ศรี รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค8 และ พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์แถลงเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่ผู้ต้องขังสามคนใช้รถของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์หลบหนีขณะนำตัวไปขึ้นศาลจังหวัดหลังสวนเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา 

พลตำรวจโทพงศ์วุฒิระบุว่าขณะนี้การสอบสวนและสอบปากคำผู้ต้องขังทั้งหมดยังไม่แล้วเสร็จแต่จากพฤติการณ์พบว่าทั้งห้าคนและร่วมกันวางแผนมาเป็นอย่างดีก่อนที่จะก่อเหตุดังกล่าว 

ส่วนตัวการสำคัญคือนักโทษชายวศิน คนที่ถูก เพื่อนผู้ต้องขังที่ร่วมกันวางแผนหลบหนีโดยใช้รถราชทัณฑ์วิ่งทับตามคลิปวงจรปิด ซึ่งจริงๆต้องขึ้นรถนี้ไปด้วยแต่ ไม่เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ 

ซึ่งในวันเกิดเหตุ ข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ระบุว่าวันนั้นนายวศินมาเป็นพยานให้กับนายพิเชษฐ์(1ใน3คนที่ขับรถหลบหนี) ในคดีที่นายพิเชษฐ์ถูกจับหลังพบครอบครองยาเสพติดอยู่ในรถยนต์ส่วนตัว นายวศินอ้างว่าก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนรู้จักกันและภรรยาของนายวศินมีสัมพันธ์กับนายพิเชษฐ์นายวศินจึงโกรธแค้นนำยาเสพติดไปไว้ในรถของนายพิเชษฐ์เป็นเหตุให้โดนจับ 

นายวศินเป็นนักโทษชายที่ถูกศาลตัดสินพิพากษาจำคุก 30 ปีซึ่งขณะนี้นายวศินอายุ 60 ปีและมักเป็นผู้ร่างอุทธรณ์ให้กับเพื่อนผู้ต้องขังในเรือนจำอำเภอหลังสวน คดีของนายพิเชษฐ์ที่หมายวศินกล่าวอ้างตำรวจจึงพบว่าอาจมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการวางแผนเพื่อหลบหนี 

ขณะที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ระบุว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพบข้อบกพร่องของการทำงานของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เธอเจ้าหน้าที่ที่ไปกับผู้ต้องขังทั้งหมดจำนวนหนึ่งคนซึ่งน้อยเกินไปและควรที่จะใส่กุญแจมือผู้ต้องขังทุกคนแต่อยากให้สังคมเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่เนื่องจากขณะนี้ต้องประสบกับปัญหานักโทษล้นคุกเช่นที่เรือนจำอำเภอหลังสวนมีผู้ต้องขังถึง 1200 คนแต่มีเจ้าหน้าที่เพียงแค่ 59 คน ข้อผิดพลาดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอธิบดีกรมราชทัณฑ์จึงกลับบอกว่าขอน้อมรับความผิดทั้งหมด 

ส่วน ผู้ต้องขังทั้งสามคนที่หลบหนีจะต้อง ถูกดำเนินคดีในสองข้อหาเพิ่มเติมจากข้อหาที่โดนอยู่แล้วคือข้อหาหลบหนีการควบคุมของเจ้าหน้าที่และต่อสู้ขัดขืนเจ้าหน้าที่