ชาวชุมชนเทศบาลตำบลพิมาย ออกมารวมตัวเรียกร้องขับไล่ ผู้อำนวยการกรมศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา กรณี ประกาศเขตโบราณสถานพิมายไปทับที่ดินและที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ด้าน ผอ.ฯ ออกมาชี้แจง ยืนยัน ทำตามกฏ และ ระเบียบทุกขั้นตอน

ช่วงบ่ายวานนี้ (18 ก.ย.61) นายภควัต บุญการุณ ประธานเครือข่ายชุมชนเทศบาลตำบลพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยชาวบ้านในเขตเทศบาลตำบลพิมาย กว่า 100 คน รวมตัวกันที่บริเวณโรงสีทองดี ม.14 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา

จากนั้นได้เดินถือป้ายมีข้อความขับไล่ นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการกรมศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ไปตามถนนสายพิมาย-ชุมพวง มุ่งหน้าไปยังสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ที่ตั้งอยู่ห่างออกไป 200 เมตร เพื่อยื่นหนังสือ และ ต้องการขับไล่ให้นายจารึก ย้ายตนเองออกจากอำเภอพิมายโดยด่วนที่สุด

เมื่อผู้ชุมนุม เดินทางมาถึงด้านหน้าประตูสำนักศิลปากรที่ 10 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้ปิดประตูกั้น ผู้ชุมนุมประท้วง โดยไม่อนุญาตให้เข้าไปภายใน

จากนั้นสำนักศิลปากรที่ 10 ได้ส่ง นายกิตติพงษ์ สนเล็ก หัวหน้ากลุ่มโบราณคดี เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือจากกลุ่มผู้ชุม โดยในหนังสือกลุ่มผู้ชุมนุมได้เรียกร้องมีข้อความสรุปว่า **การประกาศเขตโบราณสถานพิมายไปทับที่ดินและที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในเขตตำบลในเมือง อ.พิมาย ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน และ เกิดผลกระทบในวงกว้างทางเศรษฐกิจ จากการใช้อำนาจโดยไม่ชอบของนายจารึก โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

เนื่องจากปัจจุบันไม่มีใครกล้า ที่จะมาลงทุนในเขตอำเภอพิมาย เพราะไม่มีความมั่นใจในสถานะความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพ นอกจากนี้ นายจารึก ยังมีพฤติกรรมยุยงส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความแตกแยก แบ่งพรรคแบ่งพวก และ ให้ข้อมูลบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง

จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุม ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อ นายชูศักดิ์ ชุนเกาะ นายอำเภอพิมาย เพื่อเสนอให้กรมศิลปากรสั่งย้ายนายจารึก ออกจากพื้นที่อำเภอพิมายโดยเร็ว

ขณะเดียวกัน นายจารึก วิไลแก้ว ผอ.สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่า ตนเองปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย อย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยไปให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ ตามที่ถูกกล่าวหา

ส่วนการประกาศเขตโบราณสถานนั้น ก็เป็นอำนาจของกรมศิลปากรในการพิจารณา ซึ่งชาวบ้านที่ออกมาคัดค้าน และอ้างว่า ได้รับความเดือดร้อน ก็เคยยื่นร้องต่อศาลจังหวัดพิมาย ไปแล้ว ซึ่งต้องรอคำสั่งของศาลว่าจะพิจารณาอย่าไร

ส่วนการขับไล่ตน ออกนอกพื้นที่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาตนพร้อมที่จะปฏิบัติตาม