พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีตำรวจเรียกรับเงินในพื้นที่ สน.พญาไท ว่าเป็นความผิดส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กร ยืนยันสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่ปกป้องตำรวจที่กระทำผิดกฎหมาย
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่นายศักดิ์ชัย แน่นอุดร อายุ 49 ปี ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกรับเงินจำนวน 50,000 บาท ในพื้นที่ สน.พญาไท นั้น เบื้องต้นทราบข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2561 เวลาประมาณ 13.00 น. นายศักดิ์ชัย ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.พญาไทย ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ซึ่งอ้างว่าได้เรียกรับเงินสินบนจากตนเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท โดยประกอบไปด้วยนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร จำนวน 3 นาย ชั้นประทวนจำนวน 4 นาย รวม 7 ในความผิดฐาน “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด”
ซึ่งขณะนี้ทาง สน.พญาไท ได้รับคำร้องทุกข์ตามคดีอาญาไว้แล้ว และอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อจะได้ดำเนินคดี กับทั้งได้รายงานเรื่องให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล 1 ทราบ และได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริง และมีคำสั่งให้กลุ่มข้าราชการตำรวจที่ถูกกกล่าวหามาปฏิบัติราชการ ที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยขาดจากหน้าที่เดิมตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2561 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ ยังกล่าวต่ออีกว่า ในกรณีดังกล่าวการกระทำผิดกฎหมายเป็นเรื่องของความประพฤติส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับองค์กรแต่อย่างใด และยืนยันว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่ปกป้องข้าราชการตำรวจที่กระทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งพนักงานสอบสวนและคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จะดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ตามกรอบกฎหมาย และระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการมาโดยตลอดในเรื่องห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการเหลื่อมล้ำกับกฎหมาย สร้างความเดือนร้อนแก่พี่น้องประชาชน
พร้อมเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานด้วยความสุจริต เป็นธรรม ให้บริการประชาชนด้วยใจ เสมือนเป็นคนในครอบครัว นึกถึงความเดือดร้อน หรือปัญหาต่างๆที่ประชาชนมาขอความช่วยเหลือเป็นสำคัญ คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุกแก่ประชาชน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชาให้คอยสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ทั้งในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤติมิชอบ จะดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กร และเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดีอยู่แล้ว