หลังจากพบทั้ง 13 ชีวิต ปลอดภัย ภายในถ้ำหลวง ย้อนไปดูบรรยากาศ ความร่วมมือร่วมใจกันค้นหาทั้ง 13 คน จากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายระดมกำลัง พร้อมเครื่องมือทำงานแข่งกับเวลา ตั้งแต่ช่วงเช้าจนกระทั่งดึก

ปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิต ทีมหมูป่า ในถ้ำหลวงนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย วันที่ 10 เริ่มตั้งแต่ช่วงตี 4 (วันที่ 2 ก.ค.) ระดับน้ำจุดห้องโถง 3 ที่ "หน่วยซีล" ตั้งกองบัญชาการ อยู่ที่ 37 เซนติเมตร นักดำน้ำจากประเทศต่างๆ และจากทุกส่วน ได้ ลำเลียงขวดอากาศ 100 ขวด รวมถึงอุปกรณ์สนับสนุน เชฟตี้ เข็มขัดตะกั่ว, แท่งเรืองแสง ไปรวมไว้ที่กองบัญชาการฯ เพื่อใช้ดำน้ำต่อระยะไปที่สามแยก รวมทั้งการวางเบสไลน์ จากจุดเริ่มดำน้ำไปยังสามแยกระยะประมาณ 600 เมตร ให้เสร็จสิ้น เพื่อให้ มนุษย์กบ หรือหน่วยซีล 6 ชุด ส่งนักดำน้ำเข้าสำรวจเส้นทางไป และวางแผนในการเคลื่อนตัวไปยังหาดพัทยา ขณะที่กองทัพเรือได้ส่ง "หน่วยซีล" เข้ามาสมทบ

ขณะที่ นายณรงศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมคณะ ได้แถลงข่าวช่วงเช้า สรุปการปฏิบัติงานวันที่ 10 คืบหน้ามากหลังไม่มีฝนตก พร้อมระบุว่า เมื่อคืนวันที่ 1 ก.ค. "หน่วยซีล" เข้าไปถึงสามแยก เจ้าหน้าที่แทบไม่ได้ถอนตัวออกมา บางคนขาไม่ได้แตะพื้นเป็นชั่วโมง หน่วยซีลเกือบ 60 นาย และ กำลังพลหน่วยสนับสนุนอีกจำนวนมากอยู่ในนั้น และมีหน่วยดำน้ำ เข้าไปเสริม ขนขวดขวดออกซิเจนเข้าไปรวมแล้วกว่า 600 ขวด สามารถปฏิบัติงานได้โดยไม่ต้องถอนออกมา ถ้าไม่มีความจำเป็นหน่วยซีลจะไม่ออกจากถ้ำ โดยใช้โถง 3 เป็นศูนย์ปฏิบัติงาน ซึ่งระบบการสื่อสารและระบบไฟฟ้าถึงตรงนั้นหมด สามารถสื่อสารออกมานอกถ้ำได้

สำหรับแผนจากจุดสามแยก หน่วยซีล จะเลี่ยงไปทางซ้ายก่อน หากกำลังพลเหลือพอ จะให้หน่วยซีล เลี้ยวไปทางขวาด้วยเพื่อสำรวจ แต่ก่อนจะไปต่อต้องผ่าน สามแยกให้ได้ก่อน จุดวิกฤติของการดำน้ำที่สำคัญที่สุดคือ สามแยกเพื่อจะเลี้ยวซ้าย จะเป็นหลุม ขนาดขึ้นและลงอย่างแคบมากๆ เล็กขนาดที่ คนดำน้ำ ติดท่ออุปกรณ์ ไม่สามารถนำเข้าไปได้เลย และมีช่องเดียวเท่านั้นที่เข้าไปได้

ดังนั้นจะเปิดช่องนั้นให้เข้าไปให้ได้ และรักษาช่องนั้นให้เปิดอยู่ตลอดเวลาด้วย ดังนั้นงานหลักคือตรงนี้ และ ยืนยันว่าหากเปิดได้จะรีบแจ้งทันที" ดังนั้นยืนยันนะครับว่า ตอนนี้ยังไม่มีทีมนักดำน้ำไปถึงพัทยาบีช

ขณะที่เจ้าหน้าที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ปรับระบบสูบน้ำภายในถ้ำ โดยใช้เครื่องสูบน้ำ เทอร์โบเจ็ตหรือเครื่องพญานาค 4 เครื่อง แบบหอยโข่ง แบบไดโว ซึ่งเป็นเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า 7 เครื่อง และกาลักน้ำ 2 ท่อ และกำลังติดตั้งเพิ่มอีก 2 ตัว ระบายน้ำบริเวณภายนอกจากถ้ำสู่หนองน้ำพุกับหนองน้ำนางนอน

ขณะในช่วงเวลา 14.30 นาฬิกา เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก หลังจากฟ้าครึ้มมาตลอดในช่วงเช้า ทำให้เจ้าหน้าที่ จิตอาสา และอาสาสมัครที่ปฏิบัติงานอยู่ด้านนอกถ้ำต้องเข้าไปหลบกันในเต็นท์ชั่วคราว ส่วนเจ้าหน้าที่ภายในถ้ำยังคงปฏิบัติงานช่วยเหลือ 13 ชีวิต อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุด โชคดีที่ฝนตกลงไม่นานเพียง 5 นาที

ส่วน นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ได้สรุปผลการทำบายพาสน้ำออกจากถ้ำหลวงขุนน้ำ-นางนอน สร้างฝายเพื่อผันน้ำข้ามพื้นที่รอยแตก จุดที่คาดว่าเป็นจุดที่น้ำไหลเข้าในถ้ำ เพิ่มเติมในถ้ำจำนวน 2 ฝาย มีศักยภาพผันน้ำได้รวม 34,560 ลูกบาศก์เมตร ในกรณีที่ระบายน้ำเต็มศักยภาพของท่อผันน้ำ น้ำจะถูกระบายออกไปตามคูคลองผ่านชุมชนต่างๆโดยเฉพาะชุมชน ที่อยู่ติดกับถ้ำหลวง ภาพรวมการระบายน้ำออกจากถ้ำ ทำได้ดี ได้รับผลดีจากการที่ไม่มีฝนตกลงมา ทำให้น้ำในถ้ำไม่ได้มีการเพิ่มระดับสูงขึ้น ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้ดีขึ้นเช่นกัน

ส่วนทีมสำรวจโพรงถ้ำบนดอยผาหมี เริ่มตั้งแต่เช้าเช่นกัน เจ้าหน้าที่นำเฮลิคอปเตอร์ MI-17 จากกองบินที่ 41 จังหวัดลพบุรี เคลื่อนย้าย เครื่องแรงดันลมน้ำหนักประมาณ 3 ตัน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายขึ้นไปยังบนผาหมี อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นตัวอัดกระแทก เพื่อนำไปเจาะโพรงสำรวจถ้ำหลวง หลังทีมทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน กู้ภัยและกำลังผสมของชาวต่างชาติพบโพรงจำนวนมาก

โดยก่อนใช้เฮลิคอร์ปเตอร์ยกอุปกรณ์แต่ละชิ้น นักบิน ต้องตรวจสอบน้ำหนักและความสมดุลของอุปกรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการขนย้าย หากพบน้ำหนักฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่เท่ากัน ก็จะเพิ่มน้ำหนักเข้าไปให้ถ่วงสมดุล ต้องใช้เวลาเตรียมและตรวจเช็คหลายชั่วโมง เจ้าหน้าที่จะลำเลียงอุปกรณ์คือ เครื่องปั่นไฟ และเชือกโรยตัวที่มีความยาวให้มากขึ้น ภารกิจดังกล่าวดำเนินการแข็งกับเวลา แม้สภาพอากาศฟ้ายังปิดและมีเมฆมากก็ตาม

ขณะที่เดียวกันก็มีทีมงานจากฝ่ายบำรุงรักษาไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้นำกล้องงู ( Borescope ) กล้องส่องในพื้นที่แคบ 2 เครื่อง ความยาว 6 เมตร และ 3 เมตร ปลายสายมีกล้องความละเอียดสูง สามารถปรับโฟกัส ทิศทางและแสงสว่างในที่มืดได้ อีกทั้งสามารถบันทึกภาพได้ทั้งวิดีโอและภาพนิ่งมาร่วมสนับสนุนปฏิบัติการสำรวจปล่องและโพรงถ้ำ

ขณะที่ช่วง 9 โมงเช้า (2ก.ค.) พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาถึงสนามกีฬากลาง อ.แม่สาย เพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ไปบนดอยผาหมี เพื่อบัญชาการการปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิตทีมหมูป่า ที่ได้สนธิหลายฝ่าย สำรวจในพื้นที่ดอยผาหมี ทางทิศเหนือ ส่วนทีมสำรวจของทหารอเมริกัน ได้รวบรวมข้อมูลมา 3 วัน เชื่อว่าโพรงที่พบน่าจะเชื่อมต่อโถงถ้ำหลักได้ จึงได้ปูพรมออกค้นหาโพรงถ้ำ และรอยแตกในพื้นที่ต้องสงสัย ที่น่าจะเชื่อมต่อโถงถ้ำหลักได้ ซึ่งต้องรอการยืนยันข้อมูลทางธรณีฟิสิกส์ วานนี้ (2 ก.ค.) ได้ทีมสำรวจโพรงเป็นวันที่ 2

ส่วนในช่วงเย็น นายณรงค์ศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้แถลงความคืบหน้าการค้นหา 13 ชีวิต ในถ้ำหลวง ว่า ทีมกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ กรมชลประทาน ปิดทางน้ำที่ห้วยน้ำดั้น บนดอยผาหมี ได้แล้วทำให้ไม่มีน้ำไหลเข้าถ้ำเพิ่ม พร้อมได้กล่าวขอบคุณ จิตอาสาที่นำเครื่องสูบ และมาร่วมกันทำฝ่าย รวมถึง ชาวนาที่เสียสละ เปิดพื้นที่รับน้ำ พร้อมได้รายงาน ภารกิจของหน่วยซีล ว่า ขณะนี้อยู่ตำแหน่งเดิมหรือใกล้เคียงกับเดิม แต่ได้เน้นการวางเบสไลน์และขวดออกซิเจน โดยจะเร่งติดตั้งขวดออกซิเจนระหว่างโถง 3 กับสามแยกให้ชัดเจนเพื่อให้ออกซิเจนเพียงพอในการดำเนินการ และขณะนี้ เพิ่มกำลังซีลมาอีก 20 นาย รวมทั้งมีซีลนอกราชการกลับมาช่วยด้วย

นอกจากนี้ นายณรงค์ศักดิ์ ได้ตอบถึงข้อสงสัย ว่าหากพบเด็ก 13 คน จะมีสภาพอย่างไร จะขนย้ายออกมาได้หรือไม่ว่า น้องๆ ต้องรักษาพลังงาน โดยระบบร่างกายของมนุษย์ ประมาณ 10 วันร่างกายจะเซฟตัวเอง และนำพลังงานจากกล้ามเนื้อและไขมันที่สะสมไว้มาใช้ ตามทฤษฎีจริงๆ มนุษย์สามารถอยู่ได้ 30 วัน ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความหวัง ว่าจะเจอทั้งหมด และช่วยออกมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนการเคลื่อนย้าย มีแพทย์ที่สามารถดำน้ำได้อยู่ในทีม หากพบจะเข้าไปดูว่า เดินหรือ ขยับร่ายการได้หรือไม่ จะประเมินระดับหนึ่งก่อน ถึงจะเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะผ่านทางปากถ้ำหรือออกทางปล่อง ดังนั้นช่องทางต่างๆ เหล่านี้ต้องได้รับการประเมินชัดเจนจากทีมแพทย์ที่ดูแลชัดเจนว่าสามารถเคลื่อนย้ายได้แล้ว ถ้าเคลื่อนย้ายไม่ได้จะจัดส่งแพทย์และพยาบาลไปดูแล นายณรงค์ศักดิ์ ย้ำว่าส่วนตัวเชื่อว่าทั้ง 13 คน ยังอยู่ดี และในระยะเวลาอันใกล้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะประสบความสำเร็จ"

ก่อนจบการแถลง นายณรงศักดิ์ ยังได้อัญเชิญพระเมตตาธรรมปรารภ ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่พระราชทานมายังผู้ประสบเหตุและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคน ทรงประทานพรให้ปลอดภัย และทำภารกิจสำเร็จ

ไทม์ไลน์ปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิต "ทีมหมูป่าติดถ้ำหลวง"