ศึกษาธิการจ.สุราษฎร์ธานี เผยสำนวนสอบสวนข้อเท็จจริง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ กรณีให้เด็กนักเรียนกินขนมจีนน้ำปลา จำนวน 600 หน้า ถึงมือแล้ว เร่งหารือสรุปสำนวนผลพิจารณาเอาผิดทางวินัย 11 มิ.ย.นี้ เผยอาจใช้คำสั่ง คสช. มาตรา 44 ให้พักราชการ หากพบความผิดร้ายแรง
ความคืบหน้าการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการจัดสรรอาหารกลางวันให้นักเรียนชั้นอนุบาลโรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ที่สื่อสังคมออนไลน์แพร่ภาพนักเรียนนั่งกินขนมจีนคลุกน้ำปลามื้อกลางวัน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สุราษฎร์ธานี เขต 2 ได้ย้าย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ออกจากพื้นที่ระหว่างการสืบสวน ข้อเท็จจริง และล่าสุดตรวจพบการทุจริตเพิ่มในอีกหลายโครงการ
โดยครูและเจ้าหน้าที่ตรวจรับพัสดุ 4 คนต่างร่ำไห้และขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกข่มขู่ให้ลงนามตรวจรับพัสดุโดยไม่มีความรู้ และอ้างว่าถ้าไม่เซ็นชื่อตรวจรับจะไม่ผ่านการประเมินนั้น
วานนี้ (9มิ.ย.)นายชุมพล ศรีสังข์ ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า สำนวนการสืบสวนของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สุราษฎร์ธานีเขต 2 พร้อมเอกสาร 600 หน้าได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และได้ส่งให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแล้ว
ซึ่งจะเร่งพิจารณาตรวจสอบและหารือผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนจะมีความเห็นสั่งการภายในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ เพื่อพิจารณาขั้นตอนเกี่ยวกับนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ต่อไป
มีรายงานข่าวแจ้งว่า การสืบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนของผู้ปกครองพบมีมูลการทุจริต 5 เรื่อง ประกอบด้วย 1.โครงการตั้งเสาไฟฟ้าในโรงเรียน 8 ต้น แต่มีจริง 6 ต้น 2.โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตในโรงเรียนมีการเบิกงบประมาณซ้ำซ้อน และนำเงินจากการจัดงานการกุศลไปด้วย รวมเกือบ 3 แสนบาท
3.โครงการอาหารกลางวันที่เป็นปัญหาจัดอาหารไม่มีคุณภาพ และมีการทุจริตจัดซื้อวัสดุ 4.โครงการขายผล ผลิตปาล์มน้ำมันไม่นำเงินรายได้เข้าโรงเรียน และ5.โครงการจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลม ที่ ศธ. มีคำสั่งห้ามไว้ก่อนแล้วซึ่งเป็นความผิดวินัยร้ายแรงทั้งสิ้น
ทั้งนี้หากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงให้ความเห็นว่าการกระทำของนายสมเชาว์ กระทำผิดจริง ต้องถูกสอบสวนความผิดวินัยร้ายแรง จะต้องปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.มาตรา 44 คือ ถูกสั่งพักราชการไว้ก่อน พร้อมเปิดโอกาสให้ชี้แจงเพื่อความเป็นธรรม และรอจนกว่าผลการสอบสวนจะแล้วเสร็จ
ด้านพลโท โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจากนี้คณะกรรมการสืบจะเร่งทำสรุปสำนวนคาดว่าภายในวันที่ 11 หรือ 12 มิถุนายน จะส่งรายงานอย่างเป็นทางไปยัง ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎ์ธานี เพื่อพิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่
ซึ่งในกรณีนี้สามารถพิจารณาใช้มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการของคสช.ให้ ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ออกจากราชการไว้ก่อนได้ หรือจะแค่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง โดยขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎ์ธานี
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการสอบปากคำครูในประเด็นต่างๆ เช่น กรณีตรวจรับเสาไฟ ซึ่งให้ครูผู้หญิงรับผิดชอบทั้งที่ไม่มีความรู้และครูไม่สามารถขัดคำสั่งได้ ซึ่งกรณีนี้ สพฐ.อาจจะให้มีการกันครูเป็นพยานเพื่อประโยชน์ในการสืบสวนต่อไป
ขณะที่นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงกรณีศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีการเปิดเผยชื่อผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบการทุจริตของโรงเรียนบ้านท่าใหม่ว่า ทางจังหวัดต้องขออภัยบุคคลที่มีชื่อดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
เนื่องจากเป็นกรณีที่ข้อมูลเล็ดลอดออกไปและจะไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก โดยได้กำชับให้ผู้เกี่ยวข้องมีมาตรการระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลอันจะส่งผล กระทบต่อผู้ร้องเรียน ขณะนี้ทางจังหวัดสั่งการให้อำเภอท่าชนะดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มความสามารถ