แม่ของหญิงวัย 18 ปี ที่ถูก "แก๊งพระต่างถิ่น" หลอกให้ดื่มน้ำมนต์จนเสียชีวิต เข้าชี้ตัว 4 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ด้านตำรวจเตรียมติดตามจับกุมพระอีกหนึ่งรูป ที่เป็นผู้สั่งการทั้งหมด

แม่หญิงวัย 18 ปี ชี้ตัว 4 ผู้ต้องหาแก๊งพระต่างถิ่นหลอกให้ลูกดื่มน้ำมนต์เสียชีวิต

นางสาวดวงจิต คณาเขว้า แม่ของหญิงสาว อายุ 18 ปี ที่ถูกแก๊งพระต่างถิ่นหลอกลวง และบังคับให้ดื่มน้ำมนต์ โดยอ้างว่าเพื่อสะเดาะเคราะห์แก้กรรม แก้คุณไสย ทำให้ชักเกร็งและเสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้าชี้ตัว 4 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ประกอบด้วย พระบุญปัน บุญโนนแต้ อายุ 66 ปี นายมงคล ใยแก้ว อายุ 33 ปี นางกรรณิการ์ ไม้สังข์ อายุ 37 ปี และ นางสาวบุญหลาย จันทร์ล่า อายุ 36 ปี หลังจากได้เข้ามามอบตัว ตามหมายจับในความผิดฐาน “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”

จากการสอบสวนผู้ต้องหา ยอมรับว่า ร่วมกันนำน้ำมนต์ให้ผู้เสียชีวิตดื่มจริง แต่ผู้เสียชีวิตเป็นคนรับน้ำมนต์ไปดื่มเองไม่ได้ถูกบังคับตามที่ถูกกล่าวหา และขณะให้ดื่มน้ำมนต์ผู้เสียชีวิตได้อาเจียนออกมาทุกครั้งที่ดื่ม ทำให้เชื่อกันไปเองว่าเป็นผลจากน้ำมนต์ ซึ่งพระโอภาส ศรีสง่า (ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี) เป็นคนบอกให้ตักให้ดื่มเรื่อยๆ จากน้ำ 1 บาตร เป็น 2 บาตร อีกทั้งระหว่างที่ดื่มก็ได้ถามตลอดว่า อาการเป็นอย่างไร หากไม่ดีขึ้น ยังเสนอให้พักอยู่ที่สำนักสงฆ์ชั่วคราวได้

แม่หญิงวัย 18 ปีชี้"พระโอภาส"เป็นคนหลอกให้ลูกดื่มน้ำมนต์

ขณะที่นางสาวดวงจิต แม่ของหญิงวัย 18 ปี ยืนยันว่า สาเหตุที่ลูกสาวต้องมาเข้าทำพิธีสะเดาะเคราะห์ เพราะพระโอภาส ทักว่า ลูกสาวมีเคราะห์ ถูกคุณไสย ด้วยความหลงเชื่อจึงยอมให้ลูกสาวเข้าร่วมพิธีกรรม แต่ทุกครั้งที่ลูกสาวดื่มน้ำมนต์ก็มีอาการอาเจียน และเมื่อกลับไปบ้านก็มีอาการชักเกร็งจนต้องส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาล  จากนั้น 3-4 วันลูกสาวก็เสียชีวิต โดยแพทย์บอกว่าเกิดจากการชักเกร็งจนขาดอากาศหายใจ แต่เมื่อตอนนี้ผู้ต้องหาขอโทษก็จะให้อภัย และอโหสิกรรมให้ และอยากให้สังคมดูเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครอีก

เร่งจับกุม"พระโอภาส"ผู้สั่งการ-คุมตัว 4 ผู้ต้องหาฝากขังวันนี้

ด้าน พลตำรวจเอกศรีวราห์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ 1 รายซึ่งเป็นพระ คือพระโอภาส ศรีสง่า ซึ่งเป็นระดับผู้สั่งการและควบคุมพิธีการทั้งหมด จากการสืบสวนพบว่าพระและกลุ่มคนกลุ่มนี้เคยมีพฤติการณ์ชักชวนให้ผู้เลื่อมใสสะเดาะเคราะห์ด้วยการดื่มน้ำมนต์ ตั้งสำนักที่จังหวัดเลย ก่อนจะย้ายมาที่จังหวัดชัยภูมิ

เบื้องต้น ตรวจสอบพบมีใบสุทธิ แต่ไม่แน่ชัดว่าถูกต้องหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่  ในประวัติไม่พบก่อเหตุอาชญากรรมมาก่อน และไม่พบว่าเคยทำให้บุคคลอื่นเสียชีวิต

ขณะเดียวกันยังต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งจากแก้วน้ำ คราบอาเจียน สารพิษที่อยู่ในน้ำ ซึ่งหากพบว่ามีสารพิษก็จะพิจารณาแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นเพิ่ม จากเดิมแจ้งข้อหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งในวันนี้ (7เม.ย.) ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ต้องทั้ง 4 คน ไปขออำนาจศาลจังหวัดภูเขียว จังหวัดชัยภูมิฝากขัง โดยคัดค้านการประกันตัว

ขณะที่พลตำรวจตรี ธวัธชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยว่า ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลางได้รับวัตถุพยานในที่เกิดเหตุมาตรวจหลายรายการจาก พฐ.ชัยภูมิ เช่น แก้วน้ำดื่ม  คราบอาเจียน  เศษอาหารที่อาเจียนออกมาบริเวณพื้น  ส่วนบาตรน้ำมนต์ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่พบ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าน้ำมนต์ดังกล่าวมีสารพิษหรือไม่ หากผลตรวจทางวิทยาศาสตร์ พบสารพิษในน้ำมนต์ ก็จะต้องแจ้งขอหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาทั้งหมดต่อไป