ผู้บังคับหมู่สืบสวน สน.พหลโยธิน ทนไม่ไหว ถูกเรียกหักเงินเบี้ยเลี้ยง ไปซื้อเครื่องปรับอากาศติดห้องสืบสวน ทั้งที่ควรเป็นเงินของราชการ เดินหน้ายื่นร้องความเป็นธรรม ขณะที่ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เตรียมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
จ่าสิบตำรวจ เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด ผู้บังคับหมู่สืบสวน สน.พหลโยธิน นำเอกสารร้องเรียนเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมหลักฐานแชท ข้อความคำสั่งของ สารวัตรสืบสวน สน.พหลโยธิน 2 นาย
ที่สั่งการขอหักเงินเบี้ยเลี้ยงจากตำรวจชั้นผู้น้อย 11 นาย เพื่อจัดซื้อแอร์ ไปติดตั้งในห้องสืบสวน สน.พหลโยธิน มาร้องขอความเป็นธรรม ผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.
จ่าสิบตำรวจ เลอศักดิ์ บอกว่า เงินที่ถูกหักไป เป็นเงินเบี้ยเลี้ยงตกเบิกที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านความมั่นคงช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงมิถุนายนปีที่ผ่านมา ซึ่งเงินเพิ่งเข้าบัญชี เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
แต่ก็ถููกสั่งให้ถอนเงิน เฉลี่ย คนละ 2-4 พันบาท นำไปซื้อเครื่องปรับอากาศ ติดตั้งในห้องสืบสวน ซึ่งตนและเพื่อน ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากเงินจำนวนนี้ เป็นเงินที่ได้มาโดยสุจริต จากการปฏิบัติหน้าที่ และ หากจะติดแอร์จริง ควรเป็นเงินของราชการไม่ใช่เงินส่วนตัว
จึงรวบรวมหลักฐาน มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ ป.ป.ท. พร้อมร้องขอให้ ย้ายสารวัตรสืบสวนทั้ง 2 นาย ออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งระหว่างสืบหาข้อเท็จจริง
ขณะที่ พันตำรวจโท งามพล บุญลิ่มเต็ง ผู้อำนวยการ กองบริหารคดี ป.ป.ท. บอกว่า จะตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมส่งข้อมูลให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบ ก่อนพิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุม ป.ป.ท.ต่อไป
จากนั้น จ่าสิบตำรวจ เลอศักดิ์ เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ขอเข้าพบ พลตำรวจตรี พุทธิชาต เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน ขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ เพราะอยากให้ผู้บังคับบัญชา เรียกตำรวจฝ่ายสืบสวนเข้าให้ข้อมูล เพื่อพิจารณาพฤติกรรมที่เกิดขึ้น พร้อมขอให้ใช้อำนาจทางปกครอง เพื่อรักษาสถานภาพ การทำงานของตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน ยืนยัน มีผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวน 11 นาย ที่ถูกเรียกเก็บเงิน ยินดีให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ด้าน พลตำรวจตรี พุทธิชาต บอกว่า เตรียมพิจารณา ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง อยู่ระหว่างตัดสินใจจะให้ บก.น.2 หรือ ระดับ บช.น. เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งต้องฟังข้อมูลหลายๆฝ่ายก่อน ซึ่ง จ่าสิบตำรวจ เลอศักดิ์ ไม่ได้ร้องขอ ย้ายออกนอกพื้นที่ เจ้าตัวยืนยันอยู่ในพื้นที่ได้ ระหว่างนี้ ต้องรอผลการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงก่อน ว่า มีมูลหรือไม่ หากพบความผิด ต้องตั้งคณะกรรมการสืบสวนทางวินัยต่อ
ขณะที่ พันตำรวจเอก ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 อดีต ผู้กำกับการ สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งมารับตำแหน่งใหม่มาเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่เคยได้ยินมาว่า มีการเรี่ยไรเงินเพื่อซื้อแอร์ แต่เป็นการเรี่ยไรเงินทุกตำแหน่ง ไม่ใช่แต่ชั้นประทวน ซึ่งตนมองว่า เป็นการตกลงกันภายในที่จะซื้อของมาใช้เพื่อส่วนรวม เบื้องต้น ต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดการร้องเรียนดังกล่าว พันตำรวจโท คมสันต์ บดิกาญจน์ รองผู้กำกับการสืบสวนสน.พหลโยธิน ฐานะผู้บังคับบัญชาเรียก สารวัตรสืบสวน ทั้ง 2 นาย ที่ถูกร้องเรียน เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงทันที แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆกับสื่อมวลชน