โครงการจัดส่งนักโทษออกทำงานนอกเรือนจำ เพื่อบำเพ็ญประโยชน์ ที่ทำระหว่างเรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู วัดพัชรกิตติยาภาราม และอบจ.หนองบัวลำภู ลงนามตกลงร่วมกัน

นายพศิน โกมลวิชญ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ท่านเจ้าคุณเมธีวชิรธาดา เจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภูฝ่ายมหานิกายและเจ้าอาวาสวัดพัชรกิตติยาภาราม นายแพทย์ศราวุธ สันตินันตรักษ์ นายก อบจ.หนองบัวลำภู นายพชรวิเชียร สมจิตร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู ตกลงร่วมมือกัน (MOU) ที่จะส่งเสริมสนับสนุน กิจกรรมของทางวัดพัชรกิตติยาภาราม บ้านเพ็กเฟื้อย ต.หนองหว้า อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ทางวัดจะทำการฝึกสอนพัฒนาให้ธรรมะเสริมชีวิตให้กับนักโทษ ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดที่พื้นที่กว่า 100 ไร่ ได้จัดแบ่งเป็นส่วนของเรือนจำชั่วคราวประมาณ 30 ไร่ และกำลังอยู่ระหว่างการที่จะทำการก่อสร้างพัฒนา ให้เป็นสถานที่ปลูกฝังธรรมมะให้กับพุทธศาสนิกชน และสถานที่เรียนรู้ทั้งงานทางด้านอาชีพ การเกษตร ที่ได้มีการจัดสรรแบ่งปันพื้นที่ให้มีความหลากหลายเพื่อพัฒนาให้ก่อเกิดประโยชน์คุ้มค่าสำหรับสังคม

ท่านเจ้าคุณเมธีวชิรธาดา เจ้าอาวาสวัดพัชรกิตติยาภาราม หรือในอดีตคือ ศูนย์ปฏิบัติธรรมหนองน้ำเพชรมงคล เผยจากการที่ได้เข้าไปสอนอบรมนักโทษในเรือนจำหนองบัวลำภูเป็นประจำ ทำให้เห็นว่า เวลาที่ใช้ในการเข้าไปอบรมในแต่ละครั้งนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง ยังขาดเนื้อหาสาระความต่อเนื่อง เวลาจะเข้าออกต้องผ่านการปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางเรือนจำ จึงเห็นว่า หากเรือนจำมาอยู่ในวัด หรือการเอาคุกเข้าวัดน่าจะดีกว่าการที่ต้องเดินทางไปสอนธรรมะให้ที่เรือนจำ

จึงได้คิดทำโครงการความร่วมมือระหว่างวัด เรือนจำและ อบจ.หนองบัวลำภู ขึ้นมาที่จะนำนักโทษเด็ดขาดชั้นดีที่ต้องโทษ และมีความรู้ความสามารถทางด้านงานช่างมาอยู่ในวัด นอกจากจะมาทำการอบรมสั่งสอนขัดเกลาด้วยธรรมะแล้ว นักโทษเหล่านี้ยังจะได้ช่วยทำงาน ที่เป็นสาธารณประโยชน์ให้กับทางวัดได้อีกด้วย ด้วยการเป็นช่างฝีมือช่วยในการก่อสร้างพระอุโบสถ ซึ่งทางวัดยังขาดแคลนงบประมาณ ขาดแรงงานที่จะก่อสร้าง แต่ทางเรือนจำมีแรงงาน หากได้แรงงานจากนักโทษเหล่านี้ มาร่วมช่วยก่อสร้างจะทำให้ประหยัดงบประมาณ

ซึ่งนอกจากจะนำนักโทษจากจังหวัดหนองบัวลำภู มาอยู่ที่นี่แล้ว ต่อไปจะรับนักโทษจากเรือนจำทั่วประเทศ และทุกคนที่มาอยู่ที่นี่ก็จะต้องปฏิบัติอยู่ในกฏระเบียบเหมือนกับเรือนจำ มีผู้คุมคอยดูแล ไม่มีสิทธิพิเศษ เมื่อใครที่อยู่วัดแล้ว เมื่อพ้นโทษหากยากจะบวช สามารถบวชได้เลย

สำหรับนักโทษเด็ดขาด ที่จะได้รับการพิจารณาจ่ายออกทำงานนอกเรือนจำ ตามอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำต้องมีคุณสมบัติ อายุ 18 ปี ขึ้นไป เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป มีความประพฤติดี มีความอุตสาหะในการทำงานจนเกิดผลดี ไม่เคยกระทำผิดวินัย หรือความผิดทางอาญาอื่น ๆในระหว่างถูกคุมขังและไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อจ่ายออกไปแล้วอาจจะหลบหนีหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ มีกำหนดโทษไม่เกิน 1 ปี และได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3ของกำหนดโทษ หากกำหนดโทษเกินกว่า 1 ปี ต้องได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของกำหนดโทษ และเหลือโทษจำต่อไปไม่เกิน 3 ปี 6 เดือน ซึ่งนับว่า การนำคุกหรือเรือนจำชั่วคราวมาอยู่ในวัด นับว่าเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะขัดเกลาจิตใจของผู้ที่จะพ้นโทษทัณฑ์กลับคืนมาสู่สังคม ให้ได้มีการปรับตัว ปรับพฤติกรรม ปรับสภาพจิตใจ กับบทเรียนชีวิตที่ก้าวพลาดมาแล้ว ให้ก้าวเดินในสังคมได้อย่างปกติสุข และร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะได้ช่วยเหลือสังคมต่อไป

cr.สุรศักดิ์/ หนองบัวลำภู