รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คาด เสี่ยกำพล เจ้าของอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครทตัวจริง หลบหนีออกนอกประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติแล้ว หลังไม่พบความเคลื่อนไหว ขณะเดียวกัน เร่งเดินหน้าเอาผิด อาบอบนวดลักลอบใช้น้ำบาดาล เบื้องต้นพบ 2 แห่ง ลอบใช้อย่างชัดเจน
พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในคดีสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท ว่า
จากการตรวจสอบ ประเด็นการใช้น้ำ ของอาบอบนวดในเครือของ นางสาวศศิธร วิระเทพสุภรณ์ หุ้นส่วนใหญ่ของวิคตอเรีย ซีเครท ได้ดำเนินคดี พ.ร.บ.น้ำบาดาลแล้ว 2 แห่ง คือ วิคตอเรีย ซีเครท และ โคปา คาบาน่า ฐานลักลอบใช้น้ำบาดาล
ส่วนสถานบริการในเครือของ อีก 3 แห่งคือ ลองบีช เดอะลอร์ด และ แอมบาสซี่ อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบน้ำโดยละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนี้ และ ยังพบสถานบริการ อีก 4 แห่ง คือ ฮูหยิน ย่านสะพานสูง วีนัส ย่านปทุมวัน ยูโทเปีย ย่านห้วยขวาง และ ธาราวดีรีสอร์ท ย่านพัฒนาการ ที่ค่านำไฟฟ้าของน้ำ เกินค่ามาตรฐาน จึงต้องสงสัยว่า จะมีการลักลอบใช้น้ำบาดาล เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบอีกครั้ง และ การตรวจสอบ อาบอบนวดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะตรวจสอบให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน
พลตำรวจเอก ศรีวราห์ บอกถึงการตามตัว นายกำพล หรือ เสี่ยกำพล และ นางนิภา วิระเทพสุภรณ์ ว่า กองบัญชาตำรวจนครบาล และ ดีเอสไอ ได้สนธิกำลัง จัดชุดติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีแล้ว ขณะนี้ยังไม่พบเบาะแสใดๆ แต่หากจับกุมเสี่ยกำพลไม่ได้ ก็ไม่กระทบต่อรูปคดี เนื่องจากมีวัตถุพยานอื่นที่ยังเอาผิดได้
พร้อมยอมรับว่า อาจหลบหนีออกนอกประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ โดยที่ไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เพราะจากการสนธิกำลังติดตามตัว ยังไม่พบเบาะแสใดๆ
ส่วนการดำเนินคดี วิคตอเรีย ซีเครท ในประเด็นเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์นั้น ล่าสุด จากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า มีแรงงานต่างด้าว 2 กลุ่มใหญ่ รวม 10 คน มีนายจ้างคนเดียวกัน เข้ามาทำงานในวิคตอเรีย ซีเครท ตำรวจจะสอบสวนเพิ่มเติมว่า มีการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาเพื่อค้าประเวณีหรือไม่
พร้อมกันนี้ ได้ประสานให้กรมสรรพากรและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบรายได้ย้อนหลัง 10 ปี ของสถานบันเทิง และ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ นางสาวศศิธรแล้ว พร้อมสั่งการให้ บช.น. ตรวจสอบสถานบันเทิงทั้งหมดในพื้นที่ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 มี.ค. 2561 ว่ามีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.อาคาร , พ.ร.บ.น้ำบาดาล , พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม , พ.ร.บ.สาธารณสุข และ พ.ร.บ.สถานบริการหรือไม่
ขณะที่ พันตำรวจโท สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ ผู้อำนวยการกองการคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า หลังรับสำนวนคดีวิคตอเรีย มาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอกำลังเร่งทยอยสอบปากคำเหยื่อและพยานเพิ่ม เพื่อให้เสร็จตามกรอบที่วางไว้
ขณะนี้ เหลือเวลาประมาณ 60 วัน เพื่อส่งฟ้องสำนักงานอัยการ มีเหยื่อสาวยังอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) 18 คน อยู่ที่บ้านเกร็ดตระการ 14 คน ส่วนที่เหลืออีก 70 คน ตำรวจได้ปล่อยตัวให้อยู่ในประเทศไทยได้ 1 ปี ตามกฎกระทรวงมหาดไทย และ วันนี้ (31 มี.ค.) เวลา 13 นาฬิกา 30 นาที จะมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดี เพื่อรายงานความคืบหน้าให้อธิบดีดีเอสไอ รับทราบต่อไป
ขณะที่ พลตำรวจตรีภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรอง ปิดสถานบริการ ที่เปิดให้บริการในลักษณะ คล้ายกับสถานบริการ ที่กระทำผิดตามคำสั่ง คสช. 12 แห่ง ที่ถูกจับกุมช่วงเดือน ตุลาคม - พฤศจิกายน ปี 2560 โดยมีตัวแทนของกองบังคับการ 1-9 และ ผู้กำกับการแต่ละพื้นที่ เข้าร่วมประชุม
พลตำรวจตรีภาณุรัตน์ บอกว่า ความผิดส่วนใหญ่ที่พบ คือ เปิดให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต เปิดเกินกำหนด ปล่อยปละละเลยให้บริการเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี มียาเสพติดในสถานบริการ เป็นต้น
ที่ประชุมได้เสนอให้ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปิดสถานบริการทั้งหมด 9 แห่ง คือ ร้านน้องหนึ่งคาราโอเกะ ร้านแวมไพร์คาราโอเกะ ร้านเจี๊ยบคาราโอเกะ ร้านมอนติคาร์โล
ร้านคลับฟลายเดย์ ร้านมอร์ ร้านเดอะฟิกบาร์ ร้านมูสดี้บาร์ และร้านสุราบาร์พาตี้ บายเมาสันติ เป็นเวลา 5 ปี
และ อยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อให้ผู้ประกอบการทำการ โต้แย้งสิทธิ์ภายใน 15 วัน อีก 3 แห่ง คือ ร้านบางกอกใหญ่บาร์ ร้าน ดีกรี 48 และ ร้านสวนเสเฮฮา โดยจะประชุมในวันที่ 6 มีนาคม เพื่อสรุปความคืบหน้าต่อไป