เกิดเหตุวุน่วานขึ้นภายในแคมป์คนงานก่อสร้างชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ จ.สมุทรปราการ โดยคนงานสองสัญชาติทะเลาะวิวาทกัน และ เมื่อตำรวจเข้ามาห้ามเหตุการณ์ กลับถูกกดดันให้ออกจากพื้นที่ จนต้องทิ้งรถถอยยออกจากพื้นที่ ก่อนที่จะประสานทหาร และ กำลังเสริมตำรวจ เข้าระงับเหตุอีกครั้ง
ตำรวจ สภ.บางพลี พร้อมด้วย ทหารกองร้อยรักษาความสงบอำเภอบางพลี และ เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร รวมกว่า 40 นาย เข้าควบคุมสถานการณ์ภายในแคมป์คนงาน ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ของบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างชื่อดังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนสุวรรณภูมิสาย 3 ใกล้เคียงมหาลัยเกริกวิทยา ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ตำรวจสายตรวจ ซึ่งได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท เดินทางเข้าตรวจสอบเพื่อจะระงับเหตุ แต่กลับพบแรงงานต่างชาติกลุ่มดังกล่าว กรูกันเข้ามาปิดล้อมเจ้าหน้าที่ (สองนาย) ที่ขับรถจักรยานยนต์โดยกดดันให้เจ้าหน้าที่ ล่าถอยโดยอาศัยพรรคพวกสัญชาติเดียวกันจำนวนมาก เข้ากดดันเจ้าหน้าที่ทั้งสองนาย จนต้องทิ้งรถจักรยานยนต์และล่าถอยออกจากพื้นที่ เพราเกรงจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากกลุ่มแรงงานต่างชาติกลุ่มนี้ มีพฤติกรรมที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายหรือเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด จนต้องมีการเรียกกำลังเสริมทั้งตำรวจและทหาร เข้าเคลียร์พื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรงหรือบานปลายขึ้น
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ของวันที่ 12 ต.ค.2560 โดยทันที่ ทหารและตำรวจ นำกำลังเข้าจู่โจมตรวจค้นภายในแคมป์พักคนงานแห่งนี้ พร้อมกับเชิญตัวผู้พักอาศัยทั้งหมด ซึ่งมีทั้งแรงงานสัญชาติเมียนมา และ สัญชาติกัมพูชา มาอบรมและทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเจรจาพูดคุยผ่านล่ามทั้งสองภาษา เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงและหากเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันขึ้นมาอีก เจ้าหน้าที่จะจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายทันที พร้อมทั้งส่งกลับประเทศเพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่
ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจ ทั้งสองฝ่ายแล้วต่างพากันพอใจ ที่เข้าควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรงจนทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือกลายเป็นเหตุจลาจนขึ้นมาภายหลัง
ส่วนสาเหตุที่แรงงานทะเลาะวิวาทกันเอง แม่บ้านผู้ดูแลแคมป์พักแห่งนี้ ระบุว่า แคมป์พักคนงานแห่งนี้ มีแรงงาน ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ก่อนเกิดเหตุมีคนงานชาวกัมพูชา ได้ใช้ไม้มาเดินเคาะห้องหาเรื่องฝั่งแรงงานชาวเมียนมา ก่อนจนทำให้เกิดความไม่พอใจและยกพวกทำร้ายร่างกายกันจนหวิดจะกลายเป็นเหตุบานปลาย ตนจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงกลุ่มคนงานจำนวนมากต่างไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ และ เข้ากดดันให้ออกจากพื้นที่ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องสนธิกำลังกัน(ทหาร ตำรวจ) เข้ามาอีกครั้ง เหตุการณ์จึงสงบลงด้วยดีและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

















